Fic snsd : สิ่งที่เธอไม่รู้...[Yuri]
The end...
ผู้เข้าชมรวม
3,360
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
Fic snsd : สิ่งที่เธอไม่รู้ [Yuri]
คนบางคน...ไม่เคยรู้ว่าถูกใครอีกคนดูแลจากระยะไกล...
คนบางคน...ไม่เคยรู้ว่าได้รับความหวังดีจากใครอีกคน...
คนบางคน...ไม่รู้ว่าตัวเองเกิดมาโชคดีที่สุดในโลก...
เกิดมาโชคดี...ที่ได้รับความรักที่ยิ่งใหญ่จากใครบางคน...
คิม แทยอน
เพราะเธอ...ทำให้ฉันทำในสิ่งที่ไม่เคยทำและไม่คิดจะทำ...
ฮวัง ทิฟฟานี่
เพราะเธอ...ทำให้ฉันสับสนกับตัวเอง...
เรื่องนี้ตั้งใจมาก แต่ไม่รู้จะออกมาดีมั้ยT_T
ยังไงก็ขอฝากฟิคเรื่องนี้ไว้ในอ้อมใจรีดเดอร์ด้วยนะคะ ^_^
แล้วก็อย่างที่ผ่านมาคะ...เปิดเรื่องสั้นแต่แต่งมันซะยาว 5555
เรื่องมีที่มาที่ไป เลยออกมายาวซะหน่อย 555+
Enjoy to reading!
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
(ไอ้แท แกอยู่ไหนเนี่ย)
ทันทีที่กดรับสาย เสียงดุเข้มของเพื่อนรักที่คบกันมาร่วมสิบปีก็เอ่ยถามแทบจะทันที คิม แทยอน มองไปรอบตัว...
รอบตัวเงียบราวกับป่าช้าเพราะตอนนี้เวลาก็ปาเข้าไปเที่ยงคืนกว่า จึงไม่ใช่เรื่องแปลกนักที่คนส่วนใหญ่จะปิดบ้าน ปิดไฟนอนหลับซุกอยู่ในผ้าห่มกันหมด ถนนแทบจะไม่มีรถวิ่งผ่าน ณ ตอนนี้เธอจึงมีเพียงเสาไฟฟ้าต้นสูงที่ตั้งอยู่เป็นระยะเป็นเพื่อนในยามนี้...
เมื่อมองสำรวจรอบตัวเรียบร้อยแล้วจึงตอบกลับเพื่อนรักไปว่า...
“อยู่บ้าน มีอะไรไอ้ยูล”
พึ่งรู้ว่าเดี๋ยวนี้บ้านคนเขาปลูกเสาไฟไว้ในบ้านด้วย!
แทยอนตีหน้าซื่อเอ่ยเสียงเรียบราวกับที่เธอเอ่ยออกไปนั้นเป็นเรื่องจริง ทั้งๆ ที่มันไม่ใช่ ที่โกหกไปก็ไม่ใช่เพราะอะไร เธอแค่ไม่อยากโดนบ่นจนหูชาก็เท่านั้น!
“ย้ายบ้านมานอนข้างถนนก็ไม่มีบอกเพื่อนรักคนนี้เลยนะไอ้แท”
เสียงคุ้นเคยที่พึ่งได้ยินในโทรศัพท์เมื่อครู่ไม่ทำให้เธอตกใจเท่ามันดังมาจากข้างหลัง!
“ไอ้ยูล!”
ควอน ยูริ ยืนกอดอกตีสีหน้าเรียบสนิท พยายามข่มอารมณ์โกรธเอาไว้ แต่ถึงแม้ยูริจะข่มอารมณ์โกรธเอาไว้ก็ใช่ว่าแทยอนจะดูไม่ออกว่าตอนนี้ยูริกำลังโมโหมากแค่ไหน
“ฉันบอกแกแล้วใช่มั้ยว่าให้รีบกลับบ้าน มืดๆ ค่ำๆ แบบนี้ เปลี่ยวก็เปลี่ยว แกห่วงตัวเองบ้างมั้ยวะ”
ร่างสูงยืนกอดอกมองร่างเล็กที่ก้มหน้างุดด้วยแววตาที่หลากหลาย ทั้งโกรธ... ทั้งโมโห... ทั้งเป็นห่วง...
“ฉันเป็นห่วงแกนะ ไม่งั้นฉันไม่ค่อยมาบ่นให้เสียเวลาหรอก”
“ฉันขอโทษ
” แทยอนเอ่ยเสียงอ่อยในเมื่อเรื่องนี้เธอผิดเต็มๆ ที่ยูริพูดมามันก็จริงหมดทุกอย่าง...
ไม่ใช่ว่าไมคิดจะทำ...
แต่มันทำไม่ได้ต่างหาก...
“ไม่ต้องขอโทษ แค่แกสัญญากับฉันว่าจะไม่กลับบ้านค่ำๆ มืดๆ แบบนี้อีกก็พอ”
“...”
“สัญญาสิวะ”
“...ฉัน...ฉันทำไม่ได้...” แทยอนหลบตาลงต่ำ เข้าใจถึงความเป็นห่วงของเพื่อน แต่เกลียดตัวเองที่ทำตามไม่ได้...
“...” ยูริเงียบ ส่งสายตาเชิงคำถามให้แทยอนอธิบายให้เข้าใจมากกว่านี้ ร่างเล็กถอนหายใจเฮือกใหญ่ เอ่ยสิ่งที่ปกปิดเพื่อนรักมาตลอดออกไป...
“ไม่ใช่ว่าฉันไม่ห่วงชีวิตตัวเองนะ...แต่ฉันมัวแต่ไปห่วงคนอื่นจนลืมนึกถึงตัวเองเนี่ยสิ...”
.
.
.
“ขับรถกลับบ้านดีๆ นะเว้ย”
ยูริพยักหน้ารับคำเพื่อน รอจนแทยอนเดินเข้าบ้านไปแล้วจึงออกรถกลับบ้านของตน...
รถสปอร์ตเปิดประทุนคันหรูเคลื่อนตัวนิ่มๆ บนถนนที่มีรถไม่มากนัก เพลงโปรดที่พอได้ยินแล้วเป็นต้องร้องตามบัดนี้ไม่ได้ดังเข้าหูยูริที่กำลังเหม่อมองถนนเบื้องหน้าซักนิด เรื่องราวทั้งหมดที่ได้รับรู้จากผู้เป็นเพื่อนทำให้เธออึ้งไม่น้อย คาดไม่ถึงว่าแทยอนจะทุ่มเทได้มากถึงขนาดนี้ สิ่งที่ได้รับรู้มา อยากจะถ่ายทอดให้หญิงผู้โชคดีคนนั้นฟังเสียเหลือเกิน ถ้าไม่ติดว่าแทยอนให้เก็บเรื่องทั้งหมดเป็นความลับ
.................................................................
‘...’
‘เป็นไงล่ะ นึกไม่ถึงล่ะสิว่าฉันจะเป็นถึงขนาดนี้’
‘เออดิ เกินคาดว่ะ’
‘ฮ่าๆ ฉันไว้ใจแกถึงบอกแก ดังนั้น...แกต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ห้ามบอกใครเด็ดขาด’
.................................................................
นึกถึงเรื่องที่แทยอนเล่าให้ฟังแล้วก็อดสงสารเสียไม่ได้ ทุ่มเทถึงขนาดนั้น... แต่เธอคนนั้นไม่เคยรู้ตัวเลยว่าตัวเองโชคดีขนาดไหน...
โชคดีที่ได้รับความรักจากแทยอน...
เชื่อเถอะ...
ถ้าแทยอนไม่รักใครจริงไม่มีวันทำถึงขนาดนี้หรอก...
ในใจลึกๆ ก็แอบอิจฉาผู้หญิงคนนั้นชะมัด ไม่ใช่ว่าเธอแอบชอบเพื่อนรักที่คบกันมาสิบกว่าปีหรอกนะ! แต่ที่อิจฉาเพราะว่าจะมีใครบนโลกนี้โชคดีขนาดนี้อีกต่างหาก!
จะว่าไป...
ไอ้แทนี่มันเท่ห์ไม่เบาเลยแหะ!
ชักอยากเจอคนที่ถูกใจแล้วได้ทำอะไรแบบนั้นบ้างแล้วสิ!
ความคิดที่ผุดขึ้นมาในหัวทำให้ยูริกระตุกยิ้มน้อยๆ จัดการเลี้ยวรถเปลี่ยนเส้นทางทั้งๆ ที่ อีกไม่กี่กิโลก็จะถึงบ้านของตนแล้ว แต่เวลานี้มันไม่ใช่เวลาที่จะขับรถกลับบ้านปิดไฟนอนบนเตียงที่ไหนล่ะ...
“รอก่อนนะคุณเนื้อคู่ จะรีบไปหาเดี๋ยวนี้แหละ!”
เว้นเสียแต่ คิม แทยอน คนนี้เนี่ยแหละ!
ทั้งๆ ที่ในชีวิตนี้ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยแม้แต่จะคิดอยากเหยียบเข้าไปในห้องสมุดหรือร้านหนังสือซักนิด! ไม่รู้เป็นเพราะเธอจมูกดีเกินไปหรือว่าอะไร เวลาได้กลิ่นหนังสือแล้วมันชวนเวียนหัวเสียเหลือเกิน ยิ่งเวลาเปิดหนังสือขึ้นมาอ่าน ตัวหนังสือที่เรียงรายละลานตาก็พาทำให้ตาลาย เธอเลยเกลียดหนังสือและที่เกลียดมากกว่าหนังสือก็คือสถานที่ที่มีหนังสือรวมกันเยอะๆ!
แต่ที่เธอมาร้านหนังสือแห่งนี้เพราะมันมีอะไรที่ ‘คุ้มค่า’ กับการมายังไงล่ะ...
คงไม่มีใครที่ไหนมาในที่ๆ ตัวเองเกลียดที่สุดโดยไม่มี ’เหตุผล’ หรอก...
“อ้าว มาซะเช้าเชียวนะแม่หนู วันนี้จะมาถามอะไรป้าอีกล่ะ”
หญิงเจ้าของร้านที่พึ่งเดินออกมาจากทางด้านหลังของร้านหลังจากพึ่งจัดการธุระของตนเสร็จ เห็นแทยอนนั่งทำหน้ามุ่ยอยู่หน้าเคาท์เตอร์ก็เอ่ยทักอย่างเป็นกันเอง เดินตรงไปชงกาแฟที่อยู่ไม่ไกลนักกับที่แทยอนนั่ง
“มีสิป้า ไม่งั้นหนูไม่รีบมาแต่เช้าหรอก”
แทยอนเบะปากชึ้น รู้สึกเหม็นกลิ่นหนังสือเสียเหลือเกิน มาตั้งหลายรอบแล้วแต่ก้ยังไม่ชินกลับกลิ่นนี้เสียที...
“แล้ววันนี้อยากรู้อะไรเกี่ยวกับหนูฟานี่อีกล่ะ ?”
คำว่า ‘อีกล่ะ’ บ่งบอกได้เลยว่าก่อนหน้านี้แทยอนเคยถามมาก่อนแล้ว แล้ววันนี้ก็เป็นอีกวันนึง... ที่เธอรีบตื่นมาสถานที่ที่เธอเกลียดแต่เช้า...
เพียงเพราะอยากรู้จักเธอคนนั้นมากขึ้น...
หญิงเลยวัยกลางคนเอ่ยถามขณะวางแก้วกาแฟกลิ่นหอมให้แทยอนก่อนจะนั่งลงท้าวคางมองคนตรงหน้าที่ยกแก้วกาแฟขึ้นจิบเล็กน้อยแล้วเอ่ยบอกถึงสิ่งที่เธออยากรู้เกี่ยวกับ ฮวัง ทิฟฟานี่
“อืม...เอาเป็น...สิ่งที่ชอบแล้วกัน”
“หนะ...”
“นอกจากหนังสือน่ะ”
แทยอนเอ่ยขัดขึ้นมาก่อนที่หญิงเจ้าของร้านจะเอ่ยออกมาว่าสิ่งที่ทิฟฟานี่ชอบมากที่สุดคืออะไร ถึงไม่บอกก็เดาได้ไม่ยากหรอก คงไม่มีไอ้บ้าที่ไหนมาร้านหนังสือได้แทบทุกวี่ทุกวันโดยไม่ได้ชอบมันหรอกนะ
ยกเว้นแทยอนน่ะนะ...
“อืม...นอกจากหนังสือก็คงเป็น...โตโตโร่มั้ง”
เจ้าของร้านนิ่งคิดนิดหน่อยแล้วตอบแทยอน คนฟังรีบหยิบสมุดเล่มเล็กๆ ที่พกมาขึ้นจด พอเขียนเสร็จแล้วก็เอ่ยถามอีก ”แล้วสิ่งที่ไม่ชอบล่ะ”
“ก็...โอ๊ะ! ทำไมวันนี้มาแต่เช้าเลยนะ”
ขณะที่กำลังนึกหาคำตอบของคำถามแทยอน สายตาก็เหลือบไปเห็นร่างบางคุ้นตาที่มักจะแวะมาร้านหนังสือทุกๆ วัน จนกลายเป็นลูกค้าประจำไปเสียแล้ว แทยอนหันไปมองตามเมื่อเห็นว่าเป็นทิฟฟานี่...
อยู่ๆ เธอก็ใจเต้นแรงขึ้นมาซะเฉยๆ...
แทยอนแสร้งยกกาแฟขึ้นจิบเพราะไม่รู้จะเอาไม้เอามือไปวางไว้ตรงไหน ในขณะที่สายตาก็คอยเหลือบมองทางเข้าร้าน อดใจต่อมาร่างบางก็ผลักประตูร้านเข้ามาเอ่ยทักเจ้าของร้านเสียงใส
“สวัสดีค่ะป้า เปิดร้านแต่เช้าเลยนะคะ หิวจัง~ ขอสตอร์เบอร์รี่ชีสเค้กชิ้นนึงค่ะ”
ตึกตักๆ...
หัวใจที่เคยเต้นแรงอยู่แล้วเต้นแรงกว่าเก่าเมื่อทิฟฟานี่ทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ด้านข้างแทยอน เธอนั่งตัวเกร็ง ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง ไม่เคยคิดเคยฝันว่าจะมีโอกาสได้มานั่งด้านข้างคนที่ชอบในระยะใกล้ขนาดนี้...
“โอ๊ะ! ป้ายังไม่ได้อบเค้กเลย ขอตัวป้าไปด้านหลังก่อนนะ ทำไว้แล้วแต่ลืมอบ แป๊บเดียว”
เจ้าของร้านเอ่ยจบก็หันหลังเดินไปด้านหลัง กำลังจะเปิดประตูเข้าไปด้านหลังร้านก็ไม่ลืมหันมาขยิบตาส่งซิกให้แทยอน คนนั่งเกร็งที่มองอยู่ก่อนแล้วเบะปากหน้าแดงจัดส่งสายตาเว้าวอนไม่ให้หญิงเจ้าของร้านปล่อยให้เธออยู่กับทิฟฟานี่เพียงลำพัง
ถึงมันจะเป็นโอกาสที่หาได้ยากแค่ไหนก็เถอะ...
แต่กลัวตัวเองจะหัวใจวายตายไปเสียก่อนนี่สิ!
3นาทีแรก...
ทิฟฟานี่สอดสายตามองนู่นนี่ตามภาษาคนไม่มีอะไรทำ...
แทยอนนั่งเกร็ง คอยเหลือมองทิฟฟานี่เป็นระยะๆ...
10นาทีต่อมา...
“ทำไมนานจังนะ”
ทิฟฟานี่พึมพำกับตัวเองเบาๆ เริ่มอยู่ไม่นิ่งหมุนตัวไปมาบนเก้าอี้ล้อหมุน โดยไม่ระวังตัวเข่าของทิฟฟานี่ก็ชนโดนแทยอน ร่างเล็กสะดุ้งโหยงจนทิฟฟานี่ตกใจตามไปด้วย รีบเอ่ยขอโทษทันที
“ขอโทษค่ะๆ เจ็บหรือเปล่าคะ”
แทยอนก้มหน้างุดส่ายหัวรัวๆ ไม่เจ็บแต่ทำอะไรไม่ถูก...
เมื่อกี้ทิฟฟานี่โดนตัวเธอเชียวนะ!
คอยดูสิ กลับบ้านไปจะไม่อาบน้ำ!
.
.
.
“กลับบ้านดีๆ นะหนู”
หญิงเจ้าของร้านเอ่ยไล่หลังร่างบางที่กำลังจะเดินออกไปจากร้านของตน ทิฟฟานี่หันมาส่งยิ้มโบกมือลาเจ้าของร้านที่เธอจะแวะมาเป็นประจำแทบทุกวันแล้วเดินออกจากร้านไป
อึดใจต่อมาร่างเล็กที่แอบอยู่ตรงมุมหนึ่งของชั้นหนังสือก็โผล่หน้าออกมาชะเง้อคอมองหลังร่างบ่างที่อยู่ไม่ห่างมากจากร้านหนังสือ หญิงเจ้าของร้านยิ้มเล็กๆ เอ่ยกับร่างเล็ก
“จะแอบตามเขาแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่ล่ะแม่หนู ทำไมไม่บอกเขาไปเลยล่ะว่าชอบ”
คำพูดของหญิงเจ้าของร้านทำให้แทยอนแต่ยิ้มเศร้าๆ อยากจะบอกอยู่เหมือนกันว่ารู้สึกยังไง แต่ติดอยู่แค่อย่างเดียว...ติดที่เธอไม่กล้าพอ...
“ถ้าหนูกล้าพอคงไม่ต้องมาคอยหลบๆ ซ่อนๆ แอบตามเขาแบบนี้หรอก...” แทยอนเอ่ยเสียงเศร้าจนคนถามรู้สึกแย่ที่พูดออกไปแบบนั้น ยังไม่ทันที่จะเอ่ยอะไรแทยอนก็เดินออกจากร้านไป
ไม่ได้เดินไปไหนหรอก...
ก็เดินตามหลังคนที่ไม่เคยรู้อะไรเลยนั่นแหละ...
แต่ที่เธอไม่รู้นั่นล่ะ...ดีแล้ว...
แทยอนลอบเดินตามหลังร่างบางโดยทิ้งระยะห่างไว้ไม่ให้ร่างบางรู้ตัว ด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะรู้ตัวแล้วเรื่องจะเลยเถิดไปกันใหญ่...
ให้เธอไม่รู้ต่อไปนั่นแหละดีแล้ว...
ไม่นานนักร่างบางก็หยุดนิ่งอยู่หน้าบ้านหลังสวย ล้วงกุญแจในกระเป๋าขึ้นมาเปิดบ้าน แทยอนยืนหลบอยู่ในมุมมืดโดยใช้เสาไฟฟ้าเป็นที่อำพรางตัว ลอบยิ้มคนเดียวกับใบหน้าบูดบึ้งของร่างบางที่หงุดหงิดตัวเองที่ทำกุญแจหลุดจากมือ
ครู่ต่อมาร่างบางก็เปิดประตูเข้าไปในบ้านได้ แทยอนยืนมองขึ้นไปข้างบนจากด้านล่าง เห็นห้องนอนที่หันมาทางเธอเปิดไฟสว่างก็รู้ได้ทันทีว่าร่างบางคงขึ้นไปถึงห้องนอนเรียบร้อยแล้ว ผ้าม่านสีชมพูหวานที่ถูกเลื่อนปิดหน้าต่างทำให้แทยอนมองร่างบางได้ไม่ถนัดนัก แต่ถึงเธอได้มองแค่เงา... เธอก็มีความสุขจนบอกไม่ถูกแล้ว...
ครึ่งชั่วโมงถัดมาร่างบางที่นั่งอ่านหนังสือบนโต๊ะติดหน้าต่างก็ลุกขึ้นปิดไฟนอน แทยอนพึมพำเบาๆ ถึงร่างบางแม้ว่าเธอจะไม่ได้ยินหรือรับรู้ก็ตามที...
“ราตรีสวัสดิ์”
แทยอนยิ้มบางๆ ก่อนจะเดินไปตามทางกลับบ้านของตน...
วันนี้ก็เป็นอีกวันแล้วสินะ...
ที่เธอทำได้แต่แอบมองจากระยะไกลแบบนี้...
เมื่อไหร่ถึงจะได้มองใบหน้าสวยนั่นใกล้ๆ เสียทีนะ...
แทยอนสะบัดหัวแรงๆ ทีนึงเมื่อเริ่มรู้สึกตัวว่าคิดอะไรไม่เข้าเรื่อง...
ร่างเล็กผลักประตูห้องเข้ามาด้วยความเหนื่อยอ่อน หนังตาหนักอึ้งจวนเจียนจะปิดอยู่รอมร่อ เหวี่ยงกระเป๋าใบโปรดลงเตียงเดินเข้าห้องน้ำ ใช้เวลาไม่นานก็เสร็จธุระส่วนตัวในห้องน้ำ เดินออกมาล้มตัวลงนอนบนเตียงโดยที่ยังไม่ได้อาบน้ำ!
ก็บอกแล้วไง! ว่าวันนี้จะไม่อาบน้ำ!
ทันทีที่ปิดเปลือกตาลง ใบหน้าของใครบางคนก็ปรากฏเด่นชัด แล้วแบบนี้เธอจะนอนหลับไหมเนี่ย?...
เฮ้อ...
ขนาดเวลานอนเธอยังตามมากวนใจได้อีก...
แทยอนเผลอยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อเช้า เอาน่ะ...ถึงมันจะทำเธอนอนไม่พอแต่อย่างน้อยก็มีโอกาสได้ใกล้ชิดทิฟฟานี่แล้วกัน...
แล้วพรุ่งนี้เจอกัน...แม่สาวตายิ้ม...
“สวัสดีค่ะป้า”
ร่างเล็กเอ่ยทักตามปกติอย่างเช่นทุกวันที่ผ่านมา ก่อนจะหันไปมองมุมหนึ่งภายในร้านหนังสือที่ทิฟฟานี่มักจะไปหมกตัวอ่านหนังสืออยู่ตรงนั้น แต่วันนี้ดูผิดปกติ เมื่อที่ตรงนั้นไม่มีวี่แววของร่างคุ้นตา...
เนื่องจากวันนี้แทยอนมาช้ากว่าปกติมากเพราะติดธุระ กว่าจะมาถึงร้านหนังสือนี่ได้ก็ล่วงเข้าเย็นซะแล้ว ซึ่งจริงๆ แล้ว เธอจะมารอทิฟฟานี่ตั้งแต่เที่ยง ก่อนที่ทิฟฟานี่จะมาร้านหนังสือเวลาบ่ายโมงกว่า
ยิ่งพอหันไปมองหญิงมีอายุ เจ้าของร้านหนังสือแห่งนี้ คิม วอนฮี แทยอนยิ่งรู้สึกถึงความผิดปกติกว่าเดิม...
“ป้า ฟานี่มาหรือยังอ่ะ”
แทยอนเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง ขณะรอคำตอบก็คอยสังเกตท่าทางของวอนฮีไปด้วย คนถูกถามยังคงนั่งก้มหน้ามองอะไรบางอย่างในมือนิ่งหลังเคาน์เตอร์ แทยอนเริ่มแน่ใจมากขึ้นว่าต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเป็นแน่ในระหว่างที่เธอทำธุระอยู่ เพราะโดยปกติแล้ววอนฮีไม่ใช่คนเงียบๆ ติดจะพูดมากตามภาษาคนแก่เสียจนเธอรำคาญในบางครั้งซะด้วยซ้ำ
“ป้า...เป็นอะไรหรือเปล่า”
เอ่ยถามขณะค่อยๆ นั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับวอนฮี ในที่สุดคนที่เธอพยายามสนทนาด้วยก็เงยหน้าขึ้นมา วอนฮียิ้มจางๆ ที่ดูเหมือนมันจะเจือปนด้วยความเศร้าภายในใจ...
วอนฮีไม่พูดอะไรมากทำเพียงยื่น ‘อะไรบางอย่าง’ ที่อยู่ในมือของตนให้หญิงสาวตรงหน้า แทยอนขมวดคิ้วมุ่นสงสัยขณะรับกระดาษมาถือไว้ในมือ พอก้มลงอ่านข้อความในกระดาษแล้วก็ถึงกับเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ
‘ประกาศขาย
สนใจติดต่อ 084-102 xxxx’
“ป้าจะขายร้านหนังสือนี่หรอ!!!”
คนเอ่ยถามดูตื่นตกใจเพราะคาดไม่ถึง วอนฮีพยักหน้ารับเล็กๆ พร้อมรอยยิ้มเศร้าๆ ตอนนี้แทยอนอยากให้คนตรงหน้าส่ายหน้าแล้วบอกว่าสิ่งที่เธอเข้าใจมันไม่ถูกเสียมากกว่า...
“ขายทำไมล่ะป้า”
หลังจากคำถามนั้นออกจากปากของแทยอน ชั่วขณะหนึ่งภายในร้านก็เงียบลง มีเพียงเสียงถอนหายใจเหนื่อยอ่อนของหญิงตรงหน้าเท่านั้นที่เธอได้ยิน
“ป้า...ป้าเป็นมะเร็ง”
“....”
“เป็นมาได้ซักระยะแล้วล่ะ แต่รักษาที่นี่แล้วมันไม่หาย ลูกป้าเลยจะพาไปรักษาที่อเมริกา ไม่รู้ว่ารักษาแล้วจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมไหม จะได้กลับมาดูแลร้านที่ป้ารักแห่งนี้อีกรึเปล่า...” วอนฮีพยายามเป็นอย่างมากไม่ให้เสียงที่เอ่ยออกไปสั่นเครือ แต่มันเป็นเรื่องยากมาก...
“ค่ารักษา ค่าใช้จ่ายก็มาก ลูกป้าเลยบอกให้ขายร้านหนังสือนี่ซะ แล้วก็คงย้ายไปตักหลักปักฐานเสียที่นั่น ป้าไม่มีทางเลือก ก็คงต้องเป็นแบบนั้น...”
แทยอนนั่งนิ่งเหม่อเหมือนคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว สิ่งที่เธอได้รับรู้มันเลวร้ายเกินไป...
แม้ว่าวอนฮีจะไม่ใช่คนในครอบครัวเดียวกับเธอก็ตาม แต่ตลอดระยะเวลาที่เธอแวะมาร้านหนังสือร่วมปี ได้พูดคุยกับวอนฮีก็ไม่ใช่น้อย อยู่ๆ ถ้าวันหนึ่งมันไม่เป็นอย่างวันที่ผ่านมา เธอจะปรับตัวรับมันได้แน่หรือ...
“ลำพังร้านหนังสือป้าก็เสียใจมากพออยู่แล้ว แล้วนี่ยังจะหนูฟานี่อีก...”
พอได้ยินชื่อ ‘ฟานี่’ แทยอนก็รีบดึงสติของตัวเองกลับมาตั้งใจฟังสิ่งที่คนตรงหน้ากำลังจะเล่าอย่างตั้งใจต่อทันที
“หนูฟานี่รู้จักกับป้ามานานมาก ป้าก็เอ็นดูหนูฟานี่เหมือนลูกเหมือนหลาน แล้วพอหนูฟานี่ร็ว่าป้าจะขายร้านหนังสือนี่ย้ายไปอยู่อเมริกาก็โมโห โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงไม่ฟังป้าอธิบายอะไรเดินหนีออกจากร้านไปเลย...”
“แล้วฟานี่เขาร็หรือเปล่าว่าทำไมป้าต้องย้ายไปอยู่อเมริกา”
“ฮ่าๆ ป้าไม่กล้าบอกหรอก”
พอฟังเรื่องราวทั้งหมดจบแทยอนก็ได้แต่นั่งนิ่ง หัวครุ่นคิดว่าควรจะทำยังไงต่อไปดี ใจเธอไม่อยากให้คนสองคนที่รักกันเหมือนเป็นคนในครอบครัวเดียวกันมาเข้าใจผิดกันเองเลย สงสารทั้งทิฟฟานี่ สงสารทั้งวอนฮี...
เธอไม่ยอมให้ทิฟฟานี่เข้าใจวอนฮีผิดแบบนี้หรอก!
“จะไปไหนล่ะหนู”
แทยอนลุกจากเก้าอี้เดินออกจากร้านไปโดยไม่หันไปตอบคำถามของอีกฝ่าย เดินไปตามทางคุ้นเคยที่เธอมักจะเดินไปส่งทิฟฟานี่ทุกคืน...
Tiffany Part
ทำไมป้าวอนฮีถึงทำแบบนี้...
เธอเกลียดที่นั่นที่สุด...
เกลียดอเมริกา...
ทิฟฟานี่ฝังหน้าลงกับหมอนใบนุ่มบนเตียง ปล่อยให้น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลลงมาเงียบๆ เหตุการณ์ในวัยเด็กย้อนมาทำร้ายเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อไหร่ถึงจะลืมมันได้เสียที...
ติ๊งน่อง!~
ออดที่ส่งเสียงบอกเจ้าของบ้านว่ามีแขกมาเยี่ยมไม่ได้ทำให้ทิฟฟานี่เงยหน้าขึ้นปาดน้ำตาลุกลงไปเปิดประตูต้อนรับแต่อย่างใด กลับยังคงร้องไห้อยู่เช่นนั้น...
“ฟานี่! ลงมาเปิดประตูให้ฉันหน่อย เธอกำลังเข้าใจป้าวอนฮีผิดนะ!”
ทิฟฟานี่ชะงักไปทันทีที่ได้ยินเสียงตะโกนจากด้านล่าง เงยหน้าขึ้นปาดน้ำตาลวกๆ ลุกไปแง้มผ้าม่านสีชมพูหวานมองลงไปยังเบื้องล่าง...
ผู้หญิงร่างเล็ก หน้าตาจิ้มลิ้มกำลังยืนเงยหน้ามองมาที่เธอ...
ถ้าจำไม่ผิด... นั่นมันคนที่เธอเคยเจอในร้านหนังสือของป้าวอนฮีหนิ...
“มีอะไร”
ทิฟฟานี่เปิดประตูบ้าน ยืนมองแขกที่เธอไม่รู้จักแม้แต่ชื่อด้วยใบหน้าเรียบสนิททั้งๆ ที่ในใจร้อนรุ่มทันทีที่ได้ยินคนตรงหน้าตะโกนบอกว่าเธอกำลังเข้าใจวอนฮีผิด...
“ขอเข้าไปได้ไหม”
ทิฟฟานี่หลีกทางให้แทนคำตอบ เดินตรงไปนั่งบนโซฟาหนังตัวนุ่ม ไม่มีความคิดที่อยากจะลุกขึ้นไปหยิบน้ำมาเสิร์ฟแต่อย่างใด เวลานี้เธออยากรู้เรื่องของวอนฮีให้เร็วที่สุด แทยอนเองก็ไม่ได้ถือสาอะไรมาก เพราะที่เธอมาที่นี้เธอไม่ได้ต้องการมานั่งจิบน้ำเสียหน่อย เธอต้องการมาทำให้คนทั้งสองเข้าใจกันต่างหาก...
“คุณโกรธป้าวอนฮีที่จะขายร้านทิ้งแล้วย้ายไปอยู่อเมริกาหรอ”
คำว่า ‘อมเริกา’ ทำให้ทิฟฟานี่ถึงกับสะอึก ไม่อยากแม้แต่จะได้ยินชื่อประเทศนั่น เพราะมันพรากทุกอย่างไปจากเธอ...
“ใช่ ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมป้าวอนฮีถึงต้อ...”
“ป้าวอนฮีเป็นมะเร็ง”
คำตอบของแทยอนที่พูดขัดขึ้นมาทำให้ทิฟฟานี่ชะงักไปครู่หนึ่ง รู้สึกชาไปทั้งหน้าเหมือนมีมือลึกลับตบเข้าที่หน้าเธออย่างแรง เรี่ยวแรงที่เคยมีหายไปไหนเสียหมดก็ไม่อาจรู้ น้ำตาที่เคยเหือดแห้งไปคลอไหลลงมาอีกหนโดยไม่อายคนแปลกหน้าที่นั่งมองอยู่แม้แต่น้อย...
“การไปรักษาที่อเมริกาต้องการเงินจำนวนมาก ไหนลูกของป้าวอนฮียังตั้งใจจะย้ายไปอยู่ที่อเมริกาเป็นการถาวร ป้าวอนฮีเลยจำใจต้องขายร้านหนังสือแล้วย้ายไปรักษาตัวที่อเมริกา ที่ฉันมาที่นี่ก็เพื่อเล่าเรื่องทั้งหมดที่คุณไม่รู้ให้คุณฟังเพื่อให้คุณเข้าใจป้าวอนฮีใหม่...”
ทิฟฟานี่เริ่มปล่อยโฮเพราะเรื่องที่เธอได้รับรู้ค่อนข้างทำร้ายจิตใจเป็นอย่างมาก เธอรักป้าวอนฮีเหมือนป้าแท้ๆ คนหนึ่ง แทยอนได้แต่นั่งมองด้วยความสงสาร กำมือแน่นโมโหตัวเองที่ไม่มีสิทธิ์เข้าไปปลอบโยนอีกฝ่าย...
“ฉัน...ฉันไม่รู้... ฉันไม่คิดว่าป้าวอนฮีจะเป็นมะเร็ง ฮึกๆ... ฉันนึกแค่ว่าป้าวอนฮีรำคาญฉันเลยคิดจะหนีฉันไป...” “...”
“เหมือนอย่างที่พ่อแม่ฉันทำเมื่อห้าปีก่อน...”
“พ่อจ๋า~ แม่จ๋า~ หนูกลับมาแล้ว~”
หญิงสาววัยสิบห้าปีส่งเสียงไปก่อนตัว เปิดประตูเข้าไปภายในบ้านที่ดูเงียบเชียบผิดปกติ สงสัยพ่อกับแม่เธอต้องตั้งใจจะเซอร์ไพรส์เธอเป็นแน่ เนื่องจากวันนี้เป็นวันเกิดของเธอ...
“แม่~ พ่อ~ ไม่ต้องแอบหน่า หนูรู้ระว่าตั้งใจจะเซอร์ไพรส์หนู”
ทิฟฟานี่เดินหาพ่อกับแม่ภายในบ้านจนทั่วแต่ก็ไม่มีแม้แต่วี่แวว ขมวดคิ้วมุ่นกำลังจะทิ้งตัวนั่งลงกับโซฟาพลันสายตาก็เหลือไปเห็นกระดาษโน๊ตบางอย่างแปะอยู่ตรงโทรทัศน์...
‘ฟานี่... พ่อกับแม่จำเป็นจริงๆ ที่ต้องย้ายไปอเมริกา
ขอโทษที่พ่อกับแม่ไม่สามารถพาลูกไปได้ ดูแลตัวเองดีๆ นะ
Happy birthday
แม่...’
ทิฟฟานี่รีบวิ่งขึ้นไปบนห้องของพ่อกับแม่ เมื่อเปิดตู้เสื้อผ้าดูเธอก็ถึงกับเข่าอ่อน
ภายในนั้นว่างเปล่า...
น้ำตาไหลมาอย่างห้ามไม่ได้ ทำไมถึงเป็นแบบนี้... วันที่เธอควรจะได้ฉลองกับพ่อแม่ทำไมเธอต้องมานั่งร้องไห้คนเดียวแบบนี้...
หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากทิฟฟานี่แทยอนก็อดสงสารเสียไม่ได้ เป็นเธอเธอคงโกรธเกลียดพ่อกับแม่มากแน่ๆ นับตั้งแต่นั้นห้าปีผ่านมาทิฟฟานี่บอกว่าอีกฝ่ายก็ยังไม่ติดต่อกลับมา มีเพียงเงินจำนวนหนึ่งที่ถูกส่งเข้าบัญชีเธอตลอดห้าปี...
แทยอนพาทิฟฟานี่มาที่ร้านหนังสือเพื่อมาขอโทษป้าวอนฮีที่เข้าใจผิด ทันทีที่เห็นป้าวอนฮีทิฟฟานี่ก็วิ่งไปสวมกอดวอนทันที น้ำตาที่พึ่งหยุดไหลไปก็ไหลออกมาอีกหน เอ่ยขอโทษฟังแทบไม่เป็นภาษา แทยอนยืนมองอยู่ห่างๆ ด้วยรอยยิ้มโล่งอก
“ป้าวอนฮีไม่ต้องห่วงนะคะ ในธนาคารฟานี่พอมีเงินเก็บอยู่บ้าง แม้มันจะไม่มากเท่าไหร่ก็ตาม”
“ฟานี่ไม่ต้องหรอก ขายร้านนี่ป้าก็คงได้เงินพอแหละ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฟานี่เต็มใจ ถือว่าเป็นคำขอบคุณสำหรับตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานะคะ”
ทิฟฟานี่เอ่ยจบก็วิ่งออกไปจากร้านทันที ขณะวิ่งผ่านแทยอนก็ไม่ลืมจะหันมาส่งยิ้มขอบคุณเล็กๆ โค้งหัวให้ ถ้าไม่ได้คนคนนี้ เธอคงเกลียดตัวเองมากกว่านี้เป็นแน่ที่ไม่ยอมถามถึงเหตุผลให้เข้าใจเสียก่อน...
แทยอนเดินมานั่งลงด้านข้างวอนฮี อมยิ้มเล็กๆ เพราะรู้สึกปลาบปลื้มแทน วอนฮียกกระดาษทิชชู่ขึ้นซับหยาดน้ำใสเบาๆ
“เออป้า ถ้ามีคนมาซื้อร้านนี่ ป้าจะขายเท่าไหร่หรอ” เอ่ยถามพร้อมมองไปรอบๆ ร้าน ที่นี่มันก็กว้างไม่ใช่น้อย ไหนจะหนังสือมากจนนับไม่ถ้วน คงขายได้เงินไม่ใช่น้อยๆ
“62,000,000”
แทยอนพยักหน้ารับ มองสำรวจไปรอบๆ ร้านอีกหนก่อนจะหันไปเอ่ยเสียงใสใส่วอนฮี
“ถ้าหนูซื้อร้านนี้ ป้าจะลดราคาให้หนูไหมอ่ะ!?”
“!!!”
หายไปไหนของเขานะ...
วอนฮีนั่งแทบไม่ติด นี่ก็ปามาวันที่ห้าแล้วหลังจากที่แทยอนหอยตัวไป เมื่อห้าวันก่อนแทยอนยังบอกอยู่เลยว่าขอกลับไปจัดการเรื่องเงินที่บ้านแล้วจะรีบมาจ่ายให้มันเสร็จๆ ไอ้เราก็นั่งรอจนดึกจนดื่นแต่ก็ไม่มีวี่แวว ปกติแล้วแทยอนไม่เคยเลยที่จะพลาดการตามไปส่งทิฟฟานี่ที่บ้าน ชักเป็นห่วงแล้วสิ...
“สวัสดีค่ะป้าวอนฮี”
วอนฮีหันขวับมองไปทางต้นเสียง ทันทีที่เห็นว่าเป็นคนที่เธอพึ่งจะกังวลเป็นห่วงก็รีบลุกจากเก้าอี้เดินออกมาจากเคาน์เตอร์จับแขนแทยอนแน่นเอ่ยถามเสียงเป็นห่วง
”หายไปไหนเนี่ย รู้ไหมว่าป้าเป็นห่วงมากขนาดไหน นึกว่าเป็นอะไรไปแล้วซะอีก”
“ขอโทษค่ะป้าวอนฮี พอดีวันนั้นติดธุระกะทันหันพอดี เบอร์ติดต่อของป้าหนูก็ไม่มี จะแวะมาที่ร้านมาบอกป้าก่อนก็ไม่ได้ ขอโทษจริงๆ นะคะที่ทำให้รอแล้วก็เป็นห่วง”
“ไปๆ มาเหนื่อยๆ ไปนั่งพักก่อน เดี๋ยวป้าชงกาแฟให้”
แทยอนเดินไปนั่งแต่โดยดีเพราะกว่าจะมาถึงที่นี่ได้ก็เหนื่อยใช่เล่น อากาศข้างนอกก็ร้อนใช่ย่อย ได้เข้ามานั่งพักในร้านหนังสืออากาศเย็นๆ จิบกาแฟเสียหน่อยคงรู้สึกดีไม่น้อย
“อ่ะป้า หนูขอจ่ายก่อน40,000,000วอนนะ อีก10,000,000วอนเดี๋ยวหนูผ่อนส่งให้ทุกเดือนแล้วกัน ไม่ว่ากันนะป้า”
ส่งกระเป๋าทรงสี่เหลี่ยมสี่ใบ ภายในบรรจุเงินจำนวนมากพอจะเอาไว้กินไว้ใช้สบายๆ ได้ปีสองปีทีเดียว วอนอ๊รับมาถือในมือ ระบายยิ้มอบอุ่นให้แทยอน ”จ้า มีเท่าไหนก็ผ่อนมาเท่านั้นแล้วกัน ป้าไม่รีบหรอก พอมีเงินเก็บส่วนตัวอยู่บ้าง ป้าขอไปเก็บก่อนนะ หายแล้วจะยุ่ง นี่สัญญาซื้อขายจ่ะ”
วอนฮีหยิบกระดาษใต้เคาน์เตอร์เลื่อนให้แทยอนก่อนจะเดินหายเข้าไปหลังร้าน แทยอนอ่านคร่าวๆ จนจบ เมื่อเห็นว่าไม่มีปัญหาอะไรตรงไหนก็หยิบปากกาบนเคาน์เตอร์ขึ้นมาจรดปลายปากกาลงบนกระดาษ เซ็นลายเซ็นของตนลงไป...
ฟานี่...
หวังว่าหลังจากที่ฉันได้เป็นเจ้าของร้านหนังสือนี่แล้ว...
เธอจะพูดคุยกับฉันมากขึ้นนะ...
“โชคดีนะคะป้าวอนฮี อย่าลืมส่งข่าวคราวมาหาหนูบ้างนะ หายไวๆ นะคะ”
ทิฟฟานี่ยืนส่งยิ้มโบกมือหยอยๆ ให้วอนฮีที่ค่อยๆ เดินจากไป อดยกมือขึ้นปาดน้ำใสที่คลอหน่อยเสียไม่ได้ทั้งๆ ที่ตั้งใจไว้กับตัวเองแล้วว่าจะไม่ร้องไห้
แทยอนที่ยืนอยู่ไม่ห่างมากลอบมองทิฟฟานี่ด้วยรอยยิ้ม วันนี้เธอตื่นมาแต่เช้าเพื่อมาส่งวอนฮีที่สนามบิน พอดีกับที่ทิฟฟานี่ติดสอยห้อยตามมาด้วย เลยทำให้เธอมีโอกาสได้ใกล้ชิดทิฟฟานี่ขึ้นอีกหน่อย...
“คุณคะ ขอฉันติดรถกลับด้วยได้ไหม? ”
ได้สิ...
จะมีใครบนโลกนี้กล้าปฏิเสธคำขอจากเจ้าของรอยยิ้มตาปิดนั่นกัน...
เสียงเพลงดังคลอเบาๆ ภายในรถสปอร์ตคันหรูของแทยอน หญิงสาวที่นั่งด้านข้างคนขับหลับตาฮัมเพลงด้วยรอยยิ้มจางๆ แทยอนเหลือบมองรอยยิ้มนั้นด้วยความสุข เพลงที่ดีเจเสียงหวานเปิดนี่มันช่าง...
ตรงกับเธอเสียจริง...
‘นอล ชอ อึม บน ซุน กัน กุม อิน กอท คัท ทา ซอ~
(ครั้งแรกที่เจอเธอ ฉันเหมือนตกอยู่ในความฝัน)’
ครั้งแรกที่เจอเธอ...
ฉันยังจดจำได้ไม่มีวันลืม...
‘ชอน ซา ชอ รอม เย ปึน นี มี โซ เต มุน เน
(เพราะรอยยิ้มที่สวยราวกับนางฟ้าของเธอ)’
รอยยิ้มตาปิดของเธอ...
มันทำฉันตกอยู่ในภวังค์...
ภวังค์...ที่จนตอนนี้...
ฉันยังตื่นจากมันไม่ได้เสียที...
~
โทรศัพท์เครื่องบางส่งเสียงปลุกร่างเล็กที่เผลอหลับคาหนังสือวรรณกรรมเล่มหนาขึ้นตื่น งัวเงียหัวเสียที่มีคนโทรมากวนในเวลานอน คว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็พบว่าไม่ใช่ใครอื่น...
ไอ้ยูลเพื่อนรักนี่เอง...
“ว่าไงไอ้...”
(ไอ้แท้!!!!!!!!!!!!!!!! ช่วยฉันด้วย พลีส! ยัยนั่นมันจะฆ่าฉันแล้ว ช่วยช้านด้วยยยยยยยยยยย)
ตื้ดๆ....
“ฮัลโหลๆ ไอ้ยูล ฮัลโหล”
แทยอนมองโทรศัพท์ด้วยความงุนงง เมื่อพอยูริโหวกเหวกโวยวายเสร็จก็ตัดสายไปซะดื้อๆ ไม่เข้าใจว่าต้องการจะเล่นตลกอะไรกับเธอกันแน่ ไอ้เพื่อนบ้านี่ยิ่งชอบแกล้งเธออยู่ด้วย แต่คราวนี้เธอจะไม่ยอมติดกับมันหรอก เล่นบ้าอะไรไม่เข้าเรื่อง
ร่างเล็กส่ายหน้าเอือมระอาน้อยๆ กางหนังสือเล่มหนาเตอะที่อ่านไปไม่ถึงครึ่งของครึ่งเล่มขึ้นอ่าน ทันทีที่เปิดหนังสือออก กลิ่นกระดาษมันโชยมาเตะจมูกชวนเวียนหัวเสียเหลือเกิน เมื่อไหร่เธอจะชินกับกลิ่นบ้าๆ นี่เสียทีนะ...
พอเริ่มอ่านได้บรรทัดสองบรรทัดก็อยากจะหยิบหนังสือเควี้ยงทิ้งแล้วย้ายตัวไปนอนบนเตียงนุ่มๆ เสียจริง เธอไม่มีวันยอมมานั่งอ่านหนังสือวรรณกรรมบ้าๆ เล่มหนาเกือบเท่าพจนานุกรมแบบนี้หรอก
ถ้าไม่ติดว่ามันเป็นวรรณกรรมเรื่องโปรดที่ทิฟฟานี่ชอบมากล่ะก็...
หันไปอีกทางกะจะพักสายตาทั้งๆ ที่พึ่งจะอ่านไปได้แค่สองบรรทัด พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นวรรณกรรมเล่มเท่าควายวางอยู่บนพื้นซ้อนกันจนความสูงเท่ากับระดับสายตาของเธอ แถมไม่ใช่ว่ามีแค่กองเดียว นับรวมๆ แล้วมีเป็นสามสี่กองโต!
ยัยหมีบ้านั่น!
ทำไมถึงมีหนังสือที่ชอบเยอะขนาดนี้นะ!
แถมแต่ล่ะเล่ม...ขว้างหัวหมาแตกเลยทีเดียว!
แทยอนตื่นมากเปิดร้านหนังสือด้วยสภาพงัวเงียสุดๆ แทบไม่อยากจะลุกจากเตียงเพราะเมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็ปาไปตีห้า! นอนดึกก็ไม่ใช่เพราะอะไร นั่งถ่างตาทนอ่านหนังสือเล่มโต! แต่ก็นั่นแหละ...
ถ้าไม่ติดว่าวันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่ทิฟฟานี่จะมาที่ร้านหนังสือ...
เธอก็คงไม่ถ่อสังขารลุกจากเตียงนุ่มๆ ขึ้นมาเปิดร้านหนังสือหรอก!
ระหว่างที่เฝ้าร้านแทยอนก็จัดการทำขนมเค้กอย่างที่วอนฮีทำทุกครั้ง ถึงจะไม่อร่อยเท่าแต่ก็พอกินได้ล่ะหน่า(แน่ใจว่ากินได้?) ยังดีที่ก่อนจะไปวอนฮีช่วยสอนเธอทำขนมเค้กและเครื่องดื่มทุกอย่างที่อยู่ในรายการอาหารของร้าน ไม่งั้นเธอก็คงต้องเสียเงินจ้างพนักงานมาอีก
เวลานี้อะไรประหยัดได้ก็ต้องประหยัด เธอยังต้องผ่อนร้านกับป้าวอนฮีอีกหนิ...
ติ๊ง!
เตาอบขนมส่งเสียงบอกว่าได้เวลาเอาขนมเค้กกลิ่นหอมๆ ออกไปจากเตาได้แล้ว แทยอนสวมถุงมือจับของร้อนก่อนจะเดินไปหยิบขนมเค้กหน้าตาพอไปวัดไปวาได้เดินเข้ามาภายในบริเวณร้าน ขณะนี้ยังไม่มีลูกค้าซักคนซึ่งนั่นถือเป็นเรื่องดีสำหรับแทยอนไม่น้อย
“สวัสดีค่ะคุณเจ้าของร้านคนใหม่”
ยังไม่ทันไรลูกค้าคนแรกของวันและของเธอก็เดินส่งเสียงเจื้อยแจ้วเข้ามาในร้านซะแล้ว เธอจำเสียงสดใสนั่นได้ มันเป็นเสียงที่เธอชอบที่สุด...
“ว้าวๆ กลิ่นหอมจัง ขอชิมหน่อยได้ไหมคะ”
ยังไม่ทันที่แทยอนจะตอบอนุญาต ทิฟฟานี่ก็ตรงดิ่งเข้ามาคว้าส้อมขึ้นจิ้มเค้กใส่ปาก แทยอนมองทิฟฟานี่ลุ้นๆ อยากรู้ว่าเจ้าหล่อนจะมีอาการยังไงเพราะเธอก็ไม่มั่นใจเท่าไหร่นยักว่ามันจะกินได้
ทันทีที่เค้กเข้าปาก ทิฟฟานี่ก็รีบมองหาถังขยะทันที แทยอนดูท่าจะรู้งานรีบก้มลงหยิบถังขยะใบเล็กๆ ส่งให้ทิฟฟานี่ หญิงสาวร่างบางผู้โชคร้ายรีบคายขนมเค้กในปากลงถังขยะอย่างไม่เสียดาย รสชาติมันแย่เกินจะบรรยายจริงๆ...
“เอ่อ... คุณไม่เคยทำอาหารมาก่อนใช่ไหม มันถึงออกมาแบบนี้”
แทยอนพยักหน้าอายๆ อยากจะมุดลงไปในท่อซะจริง อายจนไม่รู้จะอายยังไง...
“ให้ฉันช่วยสอนไหม ขืนคุณทำแบบนี้เอามาขาย มีหวังไม่มีใครกินแน่”
ปฏิเสธก็บ้าแล้วหล่ะคนสวย...
“คุณต้องใส่น้ำตาลลงไปเท่านี้ กะให้มันกำลังดีนะ”
ทิฟฟานี่เอ่ยบอกขณะที่มือก็เทน้ำตาลล แทยอนเหลือมองแววตาจริงจังนั่นในระยะใกล้ขนาดนี้แล้วก็ชวนใจสั่น คิดไม่ถึงมาก่อนว่าจะมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับทิฟฟานี่ซะขนาดนี้
คิดไม่ผิดเลยแหะ...
ที่ลงทุนซื้อร้านหนังสือนี้...
“ว้าว~ ดูสิ กลิ่นห้อมหอม”
ทิฟฟานี่ที่หายเข้าในครัวหลังร้านเดินออกมาพร้อมกับขนมเค้กกลิ่นหอมกรุ่น อดสูดกลิ่นหอมเข้าเต็มปอดเสียไม่ได้ จ้องขนมเค้กในมือของทิฟฟานี่ตาเป็นมันเพราะตั้งแต่ตื่นมายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเธอเลย
“ชิมดูสิ”
เจ้าของรอยยิ้มตาปิดใช้ส้อมจิ้มขนมเค้กในจานคำพอเหมาะยื่นไปตรงหน้าแทยอน คนตัวเล็กดูเก้ๆ กังๆ เพราะเขินจนทำอะไรไม่ถูก จนโดนทิฟฟานี่ย้ำอีกทีแทยอนจึงกินขนมเค้กกลิ่นหอมตรงหน้า
อืม...อร่อยจัง
“เป็นไงๆ อร่อยไหม”
ทิฟฟานี่อดตื่นเต้นไม่ได้ มองแทยอนลุ้นๆ อีกฝ่ายไม่ตอบคำถามกลับแย่งจานขนมในมือมาถือเสียเอง แย่งส้อมในมือทิฟฟานี่มาจิ้มเค้กคำโตใส่ปาก ยังเคี้ยวไม่ทันหมดก็จิ้มเค้กอีกคำโตใส่ปากเคี้ยวตุ้ยๆ จนพวงแก้มทั้งสองข้ามป่องเหมือนเด็กเล็กๆ ทิฟฟานี่ที่เห็นท่าทางของแทยอนก็ขำขึ้นมาเบาๆ
“กินเลอะแล้วค่ะ”
ทิฟฟานี่เอ่ยยิ้มๆ ล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าสีชมพูหวานขึ้นมาเช็ดเค้กที่มุมปากของแทยอน เล่นเอาซะคนที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวถึงกับชะงักไป เผลอจ้องใบหน้าสวยของคนตรงหน้าด้วยแววตามีความหมาย มันเหมือนโลกทั้งใบในตอนนี้มีแค่คนตรงหน้าเท่านั้น...
“คิกๆ คุณนี่...น่ารักจัง”
เธอก็...
น่ารักเหมือนกัน
Tiffany part
กรุ๊งกริ๊ง~
เสียงกระดิ่งดังขึ้นทันทีที่ฉันผลักประตูเข้ามาในร้านหนังสือของแทยอน กระดิ่งที่ฉันกับแทยอนตัดสินใจซื้อตอนที่ไปเที่ยวกันสองคน ดูเหมือนแทยอนเองก็จะชอบความคิดนี้ของฉันจึงตอบตกลงซื้อมาห้อยไว้ตรงประตูร้าน
อ่า...นานเท่าไหร่แล้วนะที่ฉันรู้จักแทยอนมา
จวนจะปีนึงได้แล้วมั้ง
แต่ละวันก็ไม่ได้ทำอะไรมากหรอก ตื่นมาที่ร้านนี้แต่เช้าเพื่อมาทำขนมเค้กให้แทยอนเพราะเจ้าตัวยืนยันว่าถึงจะให้สอนยังไงก็คงทำออกมากินไม่ได้แน่ๆ พอจัดการส่วนนี้เสร็จก็ต้องรีบไปโรงเรียนต่อ พอเลิกเรียนถึงจะดิ่งมาที่ร้านหนังสือนี้อีก ฟังๆ ไป อาจดูเหมือนลำบากที่ต้องเทียวไปเทียวมา แต่เพราะมหาลัยฯ ที่ฉันเรียนอยู่นั้นอยู่ไม่ไกลจากร้านหนังสือนี้ซักเท่าไหร่นัก มันจึงเป็นเรื่องดีไม่ใช่น้อย...
ฉันกับแทยอนดูเหมือนจะคุยกันถูกคอไปเสียทุกเรื่อง ทุกๆ อย่างที่ฉันชอบเหมือนจะเป็นเรื่องบังเอิญที่แทอยนก็ชอบเหมือนกัน มันเลยทำให้เราคุยกันได้เรื่อยๆ ไม่มีเบื่อ นั่นเลยไม่ใช่เรื่องแปลกเสียเท่าไหร่ที่ฉันจะสนิทกับแทยอนในเวลาอันรวดเร็ว
“เหนื่อยไหมฟานี่ ให้แทปั่นน้ำให้กินไหม”
ร่างเล็กหันมาเอ่ยถามในขณะที่กำลังเช็ดแก้วที่พึ่งล้างเสร็จ ฉันยกแก้วกาแฟที่ซื้อมาจากร้านกาแฟแถวๆ มหาลัยฯ ให้แทยอนดูแทนคำตอบ
“งั้นฟานี่นั่งรอแทก่อนนะ ขอไปเข้าห้องน้ำแป๊บนึง”
แทยอนเดินหายไปหลังร้าน ฉันเดินมานั่งตรงเคาน์เตอร์ ขณะกำลังเริ่มคิดอะไรเพลินๆ เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นก็ทำเอาฉันสะดุ้งโหยงตื่นจากภวังค์ หันซ้ายหันขวาก็พบว่าเสียงนั้นดังมาจากโทรศัพท์มือถือของแทยอนที่วางไว้บนเคาน์เตอร์ เอื้อมไปหยิบกำลังจะกดรับแทนแทยอนที่ยังไม่ออกมาจากหลังร้านแต่คนที่โทรมาก็ตัดสายไปเสียก่อน กำลังจะวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมพลันสายตาก็สะดุดเข้ากับรูปหน้าจอโทรศัพท์...
มันเป็นรูปถ่ายตอนที่ฉันกับแทยอนไปเที่ยวสวนสนุกด้วยกัน...
รูปที่เราสองคนสวมเสื้อคู่เหมือนที่คนรักเขาใส่กัน....
แม้เราสองคนจะเป็นแค่ ‘เพื่อนสนิท’ กันก็เถอะ...
ถึงกระนั้นคงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรถ้าแทยอนจะเอารูปนี้ขึ้นเป็นรูปหน้าจอโทรศัพท์ในฐานะ ‘เพื่อน’ คนหนึ่ง แม้จะเนื่องด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม มันก็อดทำให้ฉันหัวใจเต้นแรงขึ้นมาซะเฉยๆ เสียไม่ได้...
ทว่ารูปหน้าจอนั้นไม่ได้ทำให้ฉันหัวใจเต้นแรงเท่าข้อความที่อยู่ใต้ภาพ...
‘그런 네가 나의 사랑이 되면 어떨까
상상만으로도 행복해 지는 걸 :D’
“คือ รอน นี กา นา เอ ซา รัง อี ทเว มยอน ออ ตอล กา ซัง ซัง มัน อือ โร โด แฮง บก แฮ จี นึน กอล...~”
ทันทีที่ฉันอ่านข้อความนั้นจบเป็นจังหวะเดียวกับที่แทยอนเดินออกมาจากหลังร้าน พร้อมยกประโยคหนึ่งที่อยู่ในเพลง ‘Imagine’ ขึ้นมาร้องคลอเบาๆ
นอกจากประโยคนั้นจะดังมาจากปากของแทยอนในทำนองเพลงแล้ว...
ฉันยังได้อ่านมัน...จากใต้ภาพที่เป็นรูปโทรศัพท์หน้าจอของแทยอนด้วย...
“อ้าวฟานี่ จะไปไหนน่ะ”
ฉันเดินออกมาโดยไม่สนใจหันไปตอบคำถามของแทยอน
เพราะฉันไม่อยากให้แทยอนเห็นใบหน้าร้อนผ่าวของฉันในตอนนี้น่ะสิ!
“อะไรของเขานะ”
ฉันยกมือขึ้นเกาหัวด้วยความงุนงงเมื่อจู่ๆ แม่สาวตายิ้มลูกค้าประจำร้านหนังสือของฉันก็หุนหันเดินออกจากร้านไปทั้งๆ ที่ปกติไล่ให้กลับยังไงก็ไม่ไป
ความสงสัยถูกเฉลยด้วยภาพตรงหน้า...
โทรศัพท์มือถือของฉันอยู่ผิดที่ผิดทางของมันที่ฉันเคยวางไว้ เมื่อลองคว้าขึ้นมาดูก็พบว่าไม่ได้รับสายของยูริ เวลา พึ่งผ่านไปไม่ถึงห้านาที...
ถ้าเดาไม่ผิด... ทิฟฟานี่คงตั้งใจจะรับโทรศัพท์แทนฉันไม่ก็จะกดตัดสายเพราะรำคาญ แล้วเจ้าหล่อนก็ดันไปเห็นรูปหน้าจอโทรศัพท์เข้า เรื่องมันคงไม่น่าเป็นห่วงขนาดนี้ถ้าฉันไม่ดันนึกอุตริพิมพ์ข้อความไว้ใต้รูปว่า...
‘ถ้าวันหนึ่งเธอจะมาเป็นคนรักของฉัน
แค่คิดก็มีความสุขแล้ว :D’
ฉันนี่มัน! สะเพร่าเสียจริง...
แล้วต่อจากนี้ไป ฉันจะมองหน้าฟานี่ได้ยังไง...
แทยอน...คิดกับฉันแบบนั้นหรอ...
ทำไมฉันไม่เคยสังเกตเห็นหรือรู้สึกตัวมาก่อนเลยนะ แล้วต่อไปนี้ฉันควรจะทำอย่างไรต่อไปดี? ทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นงั้นหรอ?...
ไม่ใช่สิ...
ก่อนอื่น
ฉันควรจะถามความรู้สึกตัวเองเสียก่อน ว่ารู้สึกยังไงกับแทยอนกันแน่...
ร่วมปีได้แล้วมั้งที่ฉันรู้จักแทยอนมา ทุกๆ วัน ชีวิตของฉันก็ไม่ได้คลุกคลีกับใครนอกจากแทยอน เธอกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตฉันไปโดยไม่รู้ตัว ความสนิทที่เรามีให้กันมากขึ้นทำให้หัวใจของฉัน เปิดรับให้แทยอนเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่อาจรู้ได้...
แล้วฉันจะเดินหนีออกมาจากร้านทำไมกันนะ!
ในเมื่อเราต่างคนต่างชอบกัน
อะไรๆ มันก็ควรจะเป็นไปได้ด้วยดีสิ...
กรุ๊งกริ๊ง!~
“ปิดร้านแล้วค่ะ ไว้ค่อยมาใหม่พรุ่งนี้นะคะ”
ฉันเอ่ยขึ้นเสียงดัง ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองผู้มาเยือนเพราะมัวแต่วุ่นอยู่กับการเก็บข้าวของเตรียมปิดร้าน รู้สึกหงุดหงิดไม่น้อย ที่แขวนป้ายไว้หน้าร้านว่า ‘close’ นี่ไม่ได้มีความหมายเลยใช่ไหมเนี่ย มีตาไว้ทำไมกัน!
“งั้นปิดร้านเสร็จแล้วไปเดินเล่นข้างนอกกับฟานี่หน่อยได้มั้ย”
ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าในสวนสาธารณะตอนกลางคืนอากาศจะดีไม่แพ้ตอนกลางวันขนาดนี้ อากาศเย็นสบายประกอบกับความมืดที่มีเพียงแสงสลัวๆ ให้ความสว่างยิ่งทำให้สวนสาธารณะในเวลานี้โรแมนติกยิ่งนัก
โดยเฉพาะเมื่อได้มาเดินข้างๆ คนที่ชอบแล้ว อะไรๆ มันก็ดูอบอุ่นไปเสียหมด...
“แทแท...”
“หือ?”
“แทรู้สึกยังไงกับฟานี่หรอ...”
คำถามที่คิดขึ้นมาทำลายความเงียบกลับทำให้เกิดความเงียบระหว่างคนทั้งสองมากขึ้นกว่าเก่า แทยอนยิ้มบางเบา ที่ยังไม่ตอบไม่ใช่เพราะตอบไม่ได้ว่ารู้สึกยังไง แต่เป็นเพราะเธอต้องการเวลาเรียบเรียงคำพูดออกมา เพราะความรู้สึกที่เธอมีให้คนถามนั้น มันมากมายเสียจนไม่รู้จะอธิบายออกมาหมดได้ยังไง...
ในที่สุดเวลานี้ก็มาถึง...
เวลาที่เธอจะได้บอกความจริงให้ ‘คนที่ไม่เคยรู้อะไรเลย’ ได้ ‘รู้ทั้งหมด’ เสียที...
“นานมากแล้วนะ ที่แทชอบแอบชอบใครคนนึงมา ชอบเพียงแค่ครั้งแรกที่ได้เห็นรอยยิ้มที่สวยหวานราวกับนางฟ้า... แทไม่รู้ว่าจะเริ่มบอกเขายังไงดีว่ารู้สึกยังไงเลยได้แต่ปิดมันมาตลอด รอเพียงซักวันหนึ่ง ที่แทจะได้พูดมันทั้งหมดออกไปให้เจ้าตัวได้รู้...”
“...”
“แล้ววันนี้ก็มาถึง...ฟานี่”
แทยอนคว้ามือฟานี่มากุมเงียบๆ หันไปมองสบตา บอกเล่าทุกเรื่องราว ทุกความรู้สึกที่มีให้ผ่านดวงตา เนิ่นนานเท่าไหร่ไม่อาจรู้ และเมื่อไหร่ก็ไม่อาจรู้ได้เช่นกันที่ใบหน้าของคนทั้งสองเคลื่อนเข้าหากัน...
สัมผัสแผ่วเบา...
หากแต่สามารถทำให้คนทั้งสองรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของอีกฝ่าย...
“แทแทอา~ เล่าเรื่องตอนที่แทชอบฟานี่ให้ฟังหน่อยสิ”
ทิฟฟานี่ที่นอนหนุนตักแทยอนเอ่ยเสียงออดอ้อน ถึงไม่ทำเช่นนั้นแทยอนก็ไม่อาจปฏิเสธคำขอร้องจาก ‘คนรัก’ ได้อยู่แล้ว อายไม่น้อยที่จะต้องเล่าเรื่องทั้งหมดที่มันดูไม่ใช่ตัวเธอเอง
“ฟังแล้วฟานี่จะต้องอึ้งแล้วก็ต้องบอกว่าแทเป็นไอ้โรคจิตแน่ๆ”
“เล่ามาเถอะ ฟานี่อยากรู้”
แทยอนยิ้มบางๆ ภาพเหตุการณ์ในวันวานที่เธอจำได้ดีไม่มีวันลืมแม้ทิฟฟานี่จะจำมันไม่ได้ก็ตามย้อนกลับเข้ามาฉายชัดในหัว...
มันเป็นวันแรกที่เธอได้พบกับทิฟฟานี่...
และเป็นวินาทีแรกที่เธอตกอยู่ใน ‘ภวังค์’...
“มันเริ่มต้นจาก...”
.................................................................
บรรยากาศยามเย็นสบายๆ เช่นนี้ประกอบกับวันนี้ทั้งวันไม่มีเรื่องอะไรมาก่อกวนให้รำคาญใจทำให้แทยอนและยูริดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ไม่บ่อยนักหรอกที่เธอทั้งสองจะมาเดินชิวๆ ยามเย็นเช่นนี้ ส่วนมากจะใช้เวลากับร้านเกมเสียมากกว่า แค่มาลองเปลี่ยนบรรยากาศบ้างอะไรบ้าง ผลสรุปคือก็ไม่เลวเหมือนกัน...
“เฮ้ย ไอ้แท คืนนี้ไปค้างบ้านฉันกัน ซื้อโซจูซักขวดไปนั่งซดกัน”
เมื่อได้ฟังความคิดดีๆ จากยูริ แทยอนก็หันไปส่งยิ้มดีนิ้วเห็นด้วย
“แจ่มเลยว่ะเพื่อน กับแกล้มเป็น...เฮ้ย!”
“ว้าย!”
เพราะมัวแต่หันไปคุยกับยูริทำให้แทยอนที่ไม่ได้มองทางข้างหน้าชนเข้ากับใครบางคนที่เดินสวนมา...
การถูกขัดขณะกำลังสนทนาเมามันส์กับเพื่อนดูจะเป็นเรื่องใหญ่สำหรับแทยอน อาจเป็นเพราะอารมณ์ที่พาลจะเสียเอาได้ง่ายๆ ไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่แค่ไหนด้วย ที่ทำให้แทยอนอารมณ์เสียรู้สึกอยากจะตะคอกด่าคนตรงหน้าว่า ‘เดินภาษาอะไร!’
แต่ความคิดทั้งหมดก็หยุดลงเพียงแค่ได้สบตา...
“ขอโทษค่ะ เจ็บตรงไหนหรือเปล่าคะ”
หญิงสาวร่างบางที่ล้มไปกองกับพื้นรีบพยุงตัวขึ้นยืนลุกเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นฝ่ายล้มก้นจ้ำเบ้า ไอ้ท่าทางเปิ่นๆ เอ๋อๆ แปลกคนนั่นมันอดทำให้เธอเผลอยิ้มออกมาเสียไม่ได้
เพราะแบบนี้ด้วยล่ะมั้ง...
ที่ทำให้เธอตกหลุมรักทิฟฟานี่เพียงแค่แรกเจอ...
.................................................................
“ทำไมฟานี่จำไม่ยักได้นะ”
พอได้ฟังจบทิฟฟานี่ก็พยายามนึกแต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก แทยอนยีหัวทิฟฟานี่ด้วยความหมันไส้ ก็ไอ้ท่าทางเปิ่นๆ นั่นแหละทำให้เดินชนคนอื่นเขาไปทั่วจนจำไม่ได้ล่ะสิ
“จบแค่นี้เองหรอ”
คำถามของคนที่นอนหนุนตักทำให้แทยอนอดยิ้มออกมาอีกรอบเสียไม่ได้ เล่าทั้งวันจะหมดหรือเปล่ายังไม่รู้เลย...
“ไม่ต้องสนหรอกว่าที่ผ่านมาแทจะแอบชอบฟานี่มานานเท่าไหร่... จะทำอะไรลงไปเพื่อฟานี่บ้าง”
“...”
“รู้ไว้แค่ว่า แทรักฟานี่ก็พอแล้ว”
ไม่ต้องสนใจหรอกคนดีว่าที่ผ่านมาฉันจะทำอะไรลงไปเพื่อเธอบ้าง...
ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมฉันถึงคุยกับเธอถูกคอไปเสียหมด...
ไม่ต้องใส่ใจว่าทำไมชีวิตเธอถึงมีฉันเข้าไปข้องเกี่ยวได้...
เพราะทั้งหมด ฉันเป็นคนตั้งใจทำให้มันเป็นแบบนี้เอง
The end
ส่งท้าย...
“รับสิไอ้แท รับ...รับสิ!”
ควอน ยูริ พึมพำด้วยหัวใจที่เต้นรัวอยู่ภายในความมืด พยายามหายใจให้เบาที่สุดด้วยกลัวว่าสิ่งที่พึ่งวิ่งหนีพ้นมาจะหาเจอ... เหงื่อไหลโซมกาย ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว
(ว่าไงไอ้...)
“ไอ้แท้!!!!!!!!!!!!!!!!ช่วยฉันด้วย พลีส!ยัยนั่นมันจะฆ่าฉันแล้ว ช่วยช้านด้วยยยยยยยยยยย”
ทันทีที่ได้ยินเสียงเพื่อนรักตอบกลับมา ราวกับได้ยินเสียงสวรรค์ ในเวลานี้เพื่อนเธออาจะช่วยเหลืออะไรได้บ้าง แต่หลังจากที่พึ่งเอ่ยอะไรออกไปที่อาจจะฟังไม่ได้ศัพท์สำหรับคนฟัง โทรศัพท์เฮงซวยก็ดันแบตฯ หมดพอดี
“โธ่เว้ย!”
สบถด้วยความหัวเสีย อยากจะปาโทรศัพท์ทิ้งถ้าไม่ติดว่าราคาของมันไม่ใช่ถูกๆ
“ฮี่ๆ...”
เสียงหัวเราะชวนขนลุกที่ดังแว่วมากับลมเย็นๆ ทำให้ยูริเบิกตาโพลง เสียงหัวเราะนั้นเธอจำมันได้ดี เสียงที่เธอพยายามหนีมาตลอด แต่ดูเหมือนว่าถึงเธอจะหนีไปสุดฟ้ายังไงก็ไม่มีทางหนีพ้น...
“คิดว่าจะหนีฉันพ้นหรอ ควอน ยูริ”
“ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!!!!!!!!”
Loading
จบซะที=.,=
เนื้อเรื่องจริงๆยาวกว่านี้ "มาก" ย้ำว่ามาก
เลยตัดทิ้งให้มันจบแบบแฮปปี้ทั้งๆ ที่ตั้งใจไว้ว่าจะให้ดราม่า=.,=
ส่งท้ายคงสงสัยกันใช่มั้ยคะว่าควอนยูลไปเจออะไรเข้า=.,=
อุ๊บไว้ก่อน อีกพักนึงจะมาลงให้ค่ะ ^^
สุดท้ายขอบคุณที่อ่ากันจนจบนะคะ><
ผลงานอื่นๆ ของ Peanut ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Peanut
ความคิดเห็น