Fic snsd : สิ่งที่เธอไม่รู้...[Yuri] - Fic snsd : สิ่งที่เธอไม่รู้...[Yuri] นิยาย Fic snsd : สิ่งที่เธอไม่รู้...[Yuri] : Dek-D.com - Writer

    Fic snsd : สิ่งที่เธอไม่รู้...[Yuri]

    The end...

    ผู้เข้าชมรวม

    3,360

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    3.36K

    ความคิดเห็น


    39

    คนติดตาม


    8
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  26 ก.พ. 55 / 21:35 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
     

    Fic snsd : สิ่งที่เธอไม่รู้ [Yuri]


    คนบางคน...ไม่เคยรู้ว่าถูกใครอีกคนดูแลจากระยะไกล...

    คนบางคน...ไม่เคยรู้ว่าได้รับความหวังดีจากใครอีกคน...

    คนบางคน...ไม่รู้ว่าตัวเองเกิดมาโชคดีที่สุดในโลก...

    เกิดมาโชคดี...ที่ได้รับความรักที่ยิ่งใหญ่จากใครบางคน...



     

    คิม แทยอน

    เพราะเธอ...ทำให้ฉันทำในสิ่งที่ไม่เคยทำและไม่คิดจะทำ...



     

    ฮวัง ทิฟฟานี่

    เพราะเธอ...ทำให้ฉันสับสนกับตัวเอง...


     


    เรื่องนี้ตั้งใจมาก แต่ไม่รู้จะออกมาดีมั้ย
    T_T

    ยังไงก็ขอฝากฟิคเรื่องนี้ไว้ในอ้อมใจรีดเดอร์ด้วยนะคะ ^_^

    แล้วก็อย่างที่ผ่านมาคะ...เปิดเรื่องสั้นแต่แต่งมันซะยาว 5555

    เรื่องมีที่มาที่ไป เลยออกมายาวซะหน่อย 555+

    Enjoy to reading!

     


    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ




                      (ไอ้แท แกอยู่ไหนเนี่ย)

                      ทันทีที่กดรับสาย เสียงดุเข้มของเพื่อนรักที่คบกันมาร่วมสิบปีก็เอ่ยถามแทบจะทันที คิม แทยอน มองไปรอบตัว...


                      รอบตัวเงียบราวกับป่าช้าเพราะตอนนี้เวลาก็ปาเข้าไปเที่ยงคืนกว่า จึงไม่ใช่เรื่องแปลกนักที่คนส่วนใหญ่จะปิดบ้าน ปิดไฟนอนหลับซุกอยู่ในผ้าห่มกันหมด ถนนแทบจะไม่มีรถวิ่งผ่าน ณ ตอนนี้เธอจึงมีเพียงเสาไฟฟ้าต้นสูงที่ตั้งอยู่เป็นระยะเป็นเพื่อนในยามนี้...

       

                      เมื่อมองสำรวจรอบตัวเรียบร้อยแล้วจึงตอบกลับเพื่อนรักไปว่า...      


                     
      อยู่บ้าน มีอะไรไอ้ยูล

            
                     พึ่งรู้ว่าเดี๋ยวนี้บ้านคนเขาปลูกเสาไฟไว้ในบ้านด้วย
      !

                     

                      แทยอนตีหน้าซื่อเอ่ยเสียงเรียบราวกับที่เธอเอ่ยออกไปนั้นเป็นเรื่องจริง ทั้งๆ ที่มันไม่ใช่ ที่โกหกไปก็ไม่ใช่เพราะอะไร เธอแค่ไม่อยากโดนบ่นจนหูชาก็เท่านั้น!

       

                      ย้ายบ้านมานอนข้างถนนก็ไม่มีบอกเพื่อนรักคนนี้เลยนะไอ้แท

       

                      เสียงคุ้นเคยที่พึ่งได้ยินในโทรศัพท์เมื่อครู่ไม่ทำให้เธอตกใจเท่ามันดังมาจากข้างหลัง!

                     

                      ไอ้ยูล!”

                 

                  ควอน ยูริ ยืนกอดอกตีสีหน้าเรียบสนิท พยายามข่มอารมณ์โกรธเอาไว้ แต่ถึงแม้ยูริจะข่มอารมณ์โกรธเอาไว้ก็ใช่ว่าแทยอนจะดูไม่ออกว่าตอนนี้ยูริกำลังโมโหมากแค่ไหน

       

                      ฉันบอกแกแล้วใช่มั้ยว่าให้รีบกลับบ้าน มืดๆ ค่ำๆ แบบนี้ เปลี่ยวก็เปลี่ยว แกห่วงตัวเองบ้างมั้ยวะ

                     

                      ร่างสูงยืนกอดอกมองร่างเล็กที่ก้มหน้างุดด้วยแววตาที่หลากหลาย ทั้งโกรธ... ทั้งโมโห... ทั้งเป็นห่วง...

                     

                      ฉันเป็นห่วงแกนะ ไม่งั้นฉันไม่ค่อยมาบ่นให้เสียเวลาหรอก

                      ฉันขอโทษ…” แทยอนเอ่ยเสียงอ่อยในเมื่อเรื่องนี้เธอผิดเต็มๆ ที่ยูริพูดมามันก็จริงหมดทุกอย่าง...

       

                  ไม่ใช่ว่าไมคิดจะทำ...

                      แต่มันทำไม่ได้ต่างหาก...

       

                      “ไม่ต้องขอโทษ แค่แกสัญญากับฉันว่าจะไม่กลับบ้านค่ำๆ มืดๆ แบบนี้อีกก็พอ

                      ...

                      สัญญาสิวะ

                      ...ฉัน...ฉันทำไม่ได้... แทยอนหลบตาลงต่ำ เข้าใจถึงความเป็นห่วงของเพื่อน แต่เกลียดตัวเองที่ทำตามไม่ได้...

                      ... ยูริเงียบ ส่งสายตาเชิงคำถามให้แทยอนอธิบายให้เข้าใจมากกว่านี้ ร่างเล็กถอนหายใจเฮือกใหญ่ เอ่ยสิ่งที่ปกปิดเพื่อนรักมาตลอดออกไป...

                  ไม่ใช่ว่าฉันไม่ห่วงชีวิตตัวเองนะ...แต่ฉันมัวแต่ไปห่วงคนอื่นจนลืมนึกถึงตัวเองเนี่ยสิ...

      .

      .

      .

                 

                      ขับรถกลับบ้านดีๆ นะเว้ย

                      ยูริพยักหน้ารับคำเพื่อน รอจนแทยอนเดินเข้าบ้านไปแล้วจึงออกรถกลับบ้านของตน...

                      รถสปอร์ตเปิดประทุนคันหรูเคลื่อนตัวนิ่มๆ บนถนนที่มีรถไม่มากนัก เพลงโปรดที่พอได้ยินแล้วเป็นต้องร้องตามบัดนี้ไม่ได้ดังเข้าหูยูริที่กำลังเหม่อมองถนนเบื้องหน้าซักนิด เรื่องราวทั้งหมดที่ได้รับรู้จากผู้เป็นเพื่อนทำให้เธออึ้งไม่น้อย คาดไม่ถึงว่าแทยอนจะทุ่มเทได้มากถึงขนาดนี้ สิ่งที่ได้รับรู้มา อยากจะถ่ายทอดให้หญิงผู้โชคดีคนนั้นฟังเสียเหลือเกิน ถ้าไม่ติดว่าแทยอนให้เก็บเรื่องทั้งหมดเป็นความลับ

       

      .................................................................

      ...

                  เป็นไงล่ะ นึกไม่ถึงล่ะสิว่าฉันจะเป็นถึงขนาดนี้

                  เออดิ เกินคาดว่ะ

                      ฮ่าๆ ฉันไว้ใจแกถึงบอกแก ดังนั้น...แกต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ห้ามบอกใครเด็ดขาด

      .................................................................

       

                     

                      นึกถึงเรื่องที่แทยอนเล่าให้ฟังแล้วก็อดสงสารเสียไม่ได้ ทุ่มเทถึงขนาดนั้น... แต่เธอคนนั้นไม่เคยรู้ตัวเลยว่าตัวเองโชคดีขนาดไหน...

                  โชคดีที่ได้รับความรักจากแทยอน...

       

                  เชื่อเถอะ...

                      ถ้าแทยอนไม่รักใครจริงไม่มีวันทำถึงขนาดนี้หรอก...

       

                      ในใจลึกๆ ก็แอบอิจฉาผู้หญิงคนนั้นชะมัด ไม่ใช่ว่าเธอแอบชอบเพื่อนรักที่คบกันมาสิบกว่าปีหรอกนะ! แต่ที่อิจฉาเพราะว่าจะมีใครบนโลกนี้โชคดีขนาดนี้อีกต่างหาก!

       

                  จะว่าไป...

                  ไอ้แทนี่มันเท่ห์ไม่เบาเลยแหะ!

                      ชักอยากเจอคนที่ถูกใจแล้วได้ทำอะไรแบบนั้นบ้างแล้วสิ!

                     

                      ความคิดที่ผุดขึ้นมาในหัวทำให้ยูริกระตุกยิ้มน้อยๆ จัดการเลี้ยวรถเปลี่ยนเส้นทางทั้งๆ ที่ อีกไม่กี่กิโลก็จะถึงบ้านของตนแล้ว แต่เวลานี้มันไม่ใช่เวลาที่จะขับรถกลับบ้านปิดไฟนอนบนเตียงที่ไหนล่ะ...

                  “รอก่อนนะคุณเนื้อคู่ จะรีบไปหาเดี๋ยวนี้แหละ!”       


                       ร้านหนังสือขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ระหว่างทางแยกของถนนสองสายขณะนี้พึ่งเปิดให้บริการ ลูกค้าภายในร้านจึงยังมีไม่มากนัก อุณหภูมิถูกปรับให้กำลังดี ไม่หนาวไม่ร้อนจนเกินไป เพลงสบายๆ ดังคลอเบาๆ กลิ่นกาแฟกับกลิ่นหนังสือเก่าจางๆ ทำให้บรรยากาศภายในร้านช่างดูมีเสน่ห์เสียเหลือเกิน  เมื่อได้นั่งลงภายในร้านแล้ว คงไม่มีใครอยากจะลุกออกไปจากร้านเพื่อไปเจอกับความวุ่นวายภายนอกเป็นแน่...

       

                  เว้นเสียแต่ คิม แทยอน คนนี้เนี่ยแหละ!

       

                  ทั้งๆ ที่ในชีวิตนี้ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยแม้แต่จะคิดอยากเหยียบเข้าไปในห้องสมุดหรือร้านหนังสือซักนิด! ไม่รู้เป็นเพราะเธอจมูกดีเกินไปหรือว่าอะไร เวลาได้กลิ่นหนังสือแล้วมันชวนเวียนหัวเสียเหลือเกิน ยิ่งเวลาเปิดหนังสือขึ้นมาอ่าน ตัวหนังสือที่เรียงรายละลานตาก็พาทำให้ตาลาย เธอเลยเกลียดหนังสือและที่เกลียดมากกว่าหนังสือก็คือสถานที่ที่มีหนังสือรวมกันเยอะๆ!

       

                  แต่ที่เธอมาร้านหนังสือแห่งนี้เพราะมันมีอะไรที่ คุ้มค่ากับการมายังไงล่ะ...

      คงไม่มีใครที่ไหนมาในที่ๆ ตัวเองเกลียดที่สุดโดยไม่มี เหตุผล หรอก...

       

                      “อ้าว มาซะเช้าเชียวนะแม่หนู วันนี้จะมาถามอะไรป้าอีกล่ะ

          
                      หญิงเจ้าของร้านที่พึ่งเดินออกมาจากทางด้านหลังของร้านหลังจากพึ่งจัดการธุระของตนเสร็จ เห็นแทยอนนั่งทำหน้ามุ่ยอยู่หน้าเคาท์เตอร์ก็เอ่ยทักอย่างเป็นกันเอง เดินตรงไปชงกาแฟที่อยู่ไม่ไกลนักกับที่แทยอนนั่ง

                      มีสิป้า ไม่งั้นหนูไม่รีบมาแต่เช้าหรอก

                      แทยอนเบะปากชึ้น รู้สึกเหม็นกลิ่นหนังสือเสียเหลือเกิน มาตั้งหลายรอบแล้วแต่ก้ยังไม่ชินกลับกลิ่นนี้เสียที...

                  แล้ววันนี้อยากรู้อะไรเกี่ยวกับหนูฟานี่อีกล่ะ ?

                  คำว่าอีกล่ะบ่งบอกได้เลยว่าก่อนหน้านี้แทยอนเคยถามมาก่อนแล้ว แล้ววันนี้ก็เป็นอีกวันนึง... ที่เธอรีบตื่นมาสถานที่ที่เธอเกลียดแต่เช้า...

                  เพียงเพราะอยากรู้จักเธอคนนั้นมากขึ้น...

                  หญิงเลยวัยกลางคนเอ่ยถามขณะวางแก้วกาแฟกลิ่นหอมให้แทยอนก่อนจะนั่งลงท้าวคางมองคนตรงหน้าที่ยกแก้วกาแฟขึ้นจิบเล็กน้อยแล้วเอ่ยบอกถึงสิ่งที่เธออยากรู้เกี่ยวกับ ฮวัง ทิฟฟานี่

                      อืม...เอาเป็น...สิ่งที่ชอบแล้วกัน

                      หนะ...

                      นอกจากหนังสือน่ะ

                      แทยอนเอ่ยขัดขึ้นมาก่อนที่หญิงเจ้าของร้านจะเอ่ยออกมาว่าสิ่งที่ทิฟฟานี่ชอบมากที่สุดคืออะไร ถึงไม่บอกก็เดาได้ไม่ยากหรอก คงไม่มีไอ้บ้าที่ไหนมาร้านหนังสือได้แทบทุกวี่ทุกวันโดยไม่ได้ชอบมันหรอกนะ

                      ยกเว้นแทยอนน่ะนะ...

                      อืม...นอกจากหนังสือก็คงเป็น...โตโตโร่มั้ง

                      เจ้าของร้านนิ่งคิดนิดหน่อยแล้วตอบแทยอน คนฟังรีบหยิบสมุดเล่มเล็กๆ ที่พกมาขึ้นจด พอเขียนเสร็จแล้วก็เอ่ยถามอีก แล้วสิ่งที่ไม่ชอบล่ะ

                       ก็...โอ๊ะ! ทำไมวันนี้มาแต่เช้าเลยนะ

                      ขณะที่กำลังนึกหาคำตอบของคำถามแทยอน สายตาก็เหลือบไปเห็นร่างบางคุ้นตาที่มักจะแวะมาร้านหนังสือทุกๆ วัน จนกลายเป็นลูกค้าประจำไปเสียแล้ว แทยอนหันไปมองตามเมื่อเห็นว่าเป็นทิฟฟานี่...

                  อยู่ๆ เธอก็ใจเต้นแรงขึ้นมาซะเฉยๆ...

                  แทยอนแสร้งยกกาแฟขึ้นจิบเพราะไม่รู้จะเอาไม้เอามือไปวางไว้ตรงไหน ในขณะที่สายตาก็คอยเหลือบมองทางเข้าร้าน อดใจต่อมาร่างบางก็ผลักประตูร้านเข้ามาเอ่ยทักเจ้าของร้านเสียงใส

                      สวัสดีค่ะป้า เปิดร้านแต่เช้าเลยนะคะ หิวจัง~ ขอสตอร์เบอร์รี่ชีสเค้กชิ้นนึงค่ะ

                      ตึกตักๆ...

                      หัวใจที่เคยเต้นแรงอยู่แล้วเต้นแรงกว่าเก่าเมื่อทิฟฟานี่ทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ด้านข้างแทยอน เธอนั่งตัวเกร็ง ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง ไม่เคยคิดเคยฝันว่าจะมีโอกาสได้มานั่งด้านข้างคนที่ชอบในระยะใกล้ขนาดนี้...

                      โอ๊ะ! ป้ายังไม่ได้อบเค้กเลย ขอตัวป้าไปด้านหลังก่อนนะ ทำไว้แล้วแต่ลืมอบ แป๊บเดียว

                      เจ้าของร้านเอ่ยจบก็หันหลังเดินไปด้านหลัง กำลังจะเปิดประตูเข้าไปด้านหลังร้านก็ไม่ลืมหันมาขยิบตาส่งซิกให้แทยอน คนนั่งเกร็งที่มองอยู่ก่อนแล้วเบะปากหน้าแดงจัดส่งสายตาเว้าวอนไม่ให้หญิงเจ้าของร้านปล่อยให้เธออยู่กับทิฟฟานี่เพียงลำพัง

       

                  ถึงมันจะเป็นโอกาสที่หาได้ยากแค่ไหนก็เถอะ...

                  แต่กลัวตัวเองจะหัวใจวายตายไปเสียก่อนนี่สิ!

       

                      3นาทีแรก...

                      ทิฟฟานี่สอดสายตามองนู่นนี่ตามภาษาคนไม่มีอะไรทำ...

                      แทยอนนั่งเกร็ง คอยเหลือมองทิฟฟานี่เป็นระยะๆ...

       

                      10นาทีต่อมา...

                      ทำไมนานจังนะ

                      ทิฟฟานี่พึมพำกับตัวเองเบาๆ เริ่มอยู่ไม่นิ่งหมุนตัวไปมาบนเก้าอี้ล้อหมุน โดยไม่ระวังตัวเข่าของทิฟฟานี่ก็ชนโดนแทยอน ร่างเล็กสะดุ้งโหยงจนทิฟฟานี่ตกใจตามไปด้วย รีบเอ่ยขอโทษทันที

                      ขอโทษค่ะๆ เจ็บหรือเปล่าคะ

                      แทยอนก้มหน้างุดส่ายหัวรัวๆ ไม่เจ็บแต่ทำอะไรไม่ถูก...

                      เมื่อกี้ทิฟฟานี่โดนตัวเธอเชียวนะ!       

                      คอยดูสิ กลับบ้านไปจะไม่อาบน้ำ!

      .

      .

      .

                  กลับบ้านดีๆ นะหนู

                      หญิงเจ้าของร้านเอ่ยไล่หลังร่างบางที่กำลังจะเดินออกไปจากร้านของตน ทิฟฟานี่หันมาส่งยิ้มโบกมือลาเจ้าของร้านที่เธอจะแวะมาเป็นประจำแทบทุกวันแล้วเดินออกจากร้านไป

                      อึดใจต่อมาร่างเล็กที่แอบอยู่ตรงมุมหนึ่งของชั้นหนังสือก็โผล่หน้าออกมาชะเง้อคอมองหลังร่างบ่างที่อยู่ไม่ห่างมากจากร้านหนังสือ หญิงเจ้าของร้านยิ้มเล็กๆ เอ่ยกับร่างเล็ก


                      จะแอบตามเขาแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่ล่ะแม่หนู ทำไมไม่บอกเขาไปเลยล่ะว่าชอบ

                      คำพูดของหญิงเจ้าของร้านทำให้แทยอนแต่ยิ้มเศร้าๆ อยากจะบอกอยู่เหมือนกันว่ารู้สึกยังไง  แต่ติดอยู่แค่อย่างเดียว...ติดที่เธอไม่กล้าพอ...


                      ถ้าหนูกล้าพอคงไม่ต้องมาคอยหลบๆ ซ่อนๆ แอบตามเขาแบบนี้หรอก... แทยอนเอ่ยเสียงเศร้าจนคนถามรู้สึกแย่ที่พูดออกไปแบบนั้น ยังไม่ทันที่จะเอ่ยอะไรแทยอนก็เดินออกจากร้านไป

       

                  ไม่ได้เดินไปไหนหรอก...

                      ก็เดินตามหลังคนที่ไม่เคยรู้อะไรเลยนั่นแหละ...

                  แต่ที่เธอไม่รู้นั่นล่ะ...ดีแล้ว...

       

                      แทยอนลอบเดินตามหลังร่างบางโดยทิ้งระยะห่างไว้ไม่ให้ร่างบางรู้ตัว ด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะรู้ตัวแล้วเรื่องจะเลยเถิดไปกันใหญ่...

       

                      ให้เธอไม่รู้ต่อไปนั่นแหละดีแล้ว...

                     

                      ไม่นานนักร่างบางก็หยุดนิ่งอยู่หน้าบ้านหลังสวย ล้วงกุญแจในกระเป๋าขึ้นมาเปิดบ้าน แทยอนยืนหลบอยู่ในมุมมืดโดยใช้เสาไฟฟ้าเป็นที่อำพรางตัว ลอบยิ้มคนเดียวกับใบหน้าบูดบึ้งของร่างบางที่หงุดหงิดตัวเองที่ทำกุญแจหลุดจากมือ

                      ครู่ต่อมาร่างบางก็เปิดประตูเข้าไปในบ้านได้ แทยอนยืนมองขึ้นไปข้างบนจากด้านล่าง เห็นห้องนอนที่หันมาทางเธอเปิดไฟสว่างก็รู้ได้ทันทีว่าร่างบางคงขึ้นไปถึงห้องนอนเรียบร้อยแล้ว ผ้าม่านสีชมพูหวานที่ถูกเลื่อนปิดหน้าต่างทำให้แทยอนมองร่างบางได้ไม่ถนัดนัก แต่ถึงเธอได้มองแค่เงา... เธอก็มีความสุขจนบอกไม่ถูกแล้ว...

                      ครึ่งชั่วโมงถัดมาร่างบางที่นั่งอ่านหนังสือบนโต๊ะติดหน้าต่างก็ลุกขึ้นปิดไฟนอน แทยอนพึมพำเบาๆ ถึงร่างบางแม้ว่าเธอจะไม่ได้ยินหรือรับรู้ก็ตามที...

                      ราตรีสวัสดิ์

                      แทยอนยิ้มบางๆ ก่อนจะเดินไปตามทางกลับบ้านของตน...

       

                  วันนี้ก็เป็นอีกวันแล้วสินะ...

                  ที่เธอทำได้แต่แอบมองจากระยะไกลแบบนี้...

                      เมื่อไหร่ถึงจะได้มองใบหน้าสวยนั่นใกล้ๆ เสียทีนะ...

                     

                      แทยอนสะบัดหัวแรงๆ ทีนึงเมื่อเริ่มรู้สึกตัวว่าคิดอะไรไม่เข้าเรื่อง...

       

                     

                      ร่างเล็กผลักประตูห้องเข้ามาด้วยความเหนื่อยอ่อน หนังตาหนักอึ้งจวนเจียนจะปิดอยู่รอมร่อ เหวี่ยงกระเป๋าใบโปรดลงเตียงเดินเข้าห้องน้ำ ใช้เวลาไม่นานก็เสร็จธุระส่วนตัวในห้องน้ำ เดินออกมาล้มตัวลงนอนบนเตียงโดยที่ยังไม่ได้อาบน้ำ!

                      ก็บอกแล้วไง! ว่าวันนี้จะไม่อาบน้ำ!

                      ทันทีที่ปิดเปลือกตาลง ใบหน้าของใครบางคนก็ปรากฏเด่นชัด แล้วแบบนี้เธอจะนอนหลับไหมเนี่ย?...

       

                  เฮ้อ...

                  ขนาดเวลานอนเธอยังตามมากวนใจได้อีก...

       

                      แทยอนเผลอยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อเช้า เอาน่ะ...ถึงมันจะทำเธอนอนไม่พอแต่อย่างน้อยก็มีโอกาสได้ใกล้ชิดทิฟฟานี่แล้วกัน...

       

                  แล้วพรุ่งนี้เจอกัน...แม่สาวตายิ้ม...

                     


                       “สวัสดีค่ะป้า

                      ร่างเล็กเอ่ยทักตามปกติอย่างเช่นทุกวันที่ผ่านมา ก่อนจะหันไปมองมุมหนึ่งภายในร้านหนังสือที่ทิฟฟานี่มักจะไปหมกตัวอ่านหนังสืออยู่ตรงนั้น แต่วันนี้ดูผิดปกติ เมื่อที่ตรงนั้นไม่มีวี่แววของร่างคุ้นตา...

                      เนื่องจากวันนี้แทยอนมาช้ากว่าปกติมากเพราะติดธุระ กว่าจะมาถึงร้านหนังสือนี่ได้ก็ล่วงเข้าเย็นซะแล้ว ซึ่งจริงๆ แล้ว เธอจะมารอทิฟฟานี่ตั้งแต่เที่ยง ก่อนที่ทิฟฟานี่จะมาร้านหนังสือเวลาบ่ายโมงกว่า

                      ยิ่งพอหันไปมองหญิงมีอายุ เจ้าของร้านหนังสือแห่งนี้ คิม วอนฮี  แทยอนยิ่งรู้สึกถึงความผิดปกติกว่าเดิม...

                     

      ป้า ฟานี่มาหรือยังอ่ะ

       

                      แทยอนเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง ขณะรอคำตอบก็คอยสังเกตท่าทางของวอนฮีไปด้วย คนถูกถามยังคงนั่งก้มหน้ามองอะไรบางอย่างในมือนิ่งหลังเคาน์เตอร์ แทยอนเริ่มแน่ใจมากขึ้นว่าต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเป็นแน่ในระหว่างที่เธอทำธุระอยู่ เพราะโดยปกติแล้ววอนฮีไม่ใช่คนเงียบๆ ติดจะพูดมากตามภาษาคนแก่เสียจนเธอรำคาญในบางครั้งซะด้วยซ้ำ

       

                      ป้า...เป็นอะไรหรือเปล่า

       

                      เอ่ยถามขณะค่อยๆ นั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับวอนฮี ในที่สุดคนที่เธอพยายามสนทนาด้วยก็เงยหน้าขึ้นมา วอนฮียิ้มจางๆ ที่ดูเหมือนมันจะเจือปนด้วยความเศร้าภายในใจ...

                      วอนฮีไม่พูดอะไรมากทำเพียงยื่น อะไรบางอย่าง ที่อยู่ในมือของตนให้หญิงสาวตรงหน้า แทยอนขมวดคิ้วมุ่นสงสัยขณะรับกระดาษมาถือไว้ในมือ พอก้มลงอ่านข้อความในกระดาษแล้วก็ถึงกับเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ

       

       

      ประกาศขาย

      สนใจติดต่อ 084-102 xxxx’

       

       

                      ป้าจะขายร้านหนังสือนี่หรอ!!!”

       

                      คนเอ่ยถามดูตื่นตกใจเพราะคาดไม่ถึง วอนฮีพยักหน้ารับเล็กๆ พร้อมรอยยิ้มเศร้าๆ ตอนนี้แทยอนอยากให้คนตรงหน้าส่ายหน้าแล้วบอกว่าสิ่งที่เธอเข้าใจมันไม่ถูกเสียมากกว่า...

       

                      ขายทำไมล่ะป้า

       

                      หลังจากคำถามนั้นออกจากปากของแทยอน ชั่วขณะหนึ่งภายในร้านก็เงียบลง มีเพียงเสียงถอนหายใจเหนื่อยอ่อนของหญิงตรงหน้าเท่านั้นที่เธอได้ยิน

       

                  ป้า...ป้าเป็นมะเร็ง

                      ....

                      เป็นมาได้ซักระยะแล้วล่ะ แต่รักษาที่นี่แล้วมันไม่หาย ลูกป้าเลยจะพาไปรักษาที่อเมริกา ไม่รู้ว่ารักษาแล้วจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมไหม จะได้กลับมาดูแลร้านที่ป้ารักแห่งนี้อีกรึเปล่า... วอนฮีพยายามเป็นอย่างมากไม่ให้เสียงที่เอ่ยออกไปสั่นเครือ แต่มันเป็นเรื่องยากมาก...

                      ค่ารักษา ค่าใช้จ่ายก็มาก ลูกป้าเลยบอกให้ขายร้านหนังสือนี่ซะ แล้วก็คงย้ายไปตักหลักปักฐานเสียที่นั่น ป้าไม่มีทางเลือก ก็คงต้องเป็นแบบนั้น...

       

                      แทยอนนั่งนิ่งเหม่อเหมือนคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว สิ่งที่เธอได้รับรู้มันเลวร้ายเกินไป...

                      แม้ว่าวอนฮีจะไม่ใช่คนในครอบครัวเดียวกับเธอก็ตาม แต่ตลอดระยะเวลาที่เธอแวะมาร้านหนังสือร่วมปี ได้พูดคุยกับวอนฮีก็ไม่ใช่น้อย อยู่ๆ ถ้าวันหนึ่งมันไม่เป็นอย่างวันที่ผ่านมา เธอจะปรับตัวรับมันได้แน่หรือ...

       

                      ลำพังร้านหนังสือป้าก็เสียใจมากพออยู่แล้ว แล้วนี่ยังจะหนูฟานี่อีก...

       

                      พอได้ยินชื่อ ฟานี่ แทยอนก็รีบดึงสติของตัวเองกลับมาตั้งใจฟังสิ่งที่คนตรงหน้ากำลังจะเล่าอย่างตั้งใจต่อทันที

       

                      หนูฟานี่รู้จักกับป้ามานานมาก ป้าก็เอ็นดูหนูฟานี่เหมือนลูกเหมือนหลาน แล้วพอหนูฟานี่ร็ว่าป้าจะขายร้านหนังสือนี่ย้ายไปอยู่อเมริกาก็โมโห โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงไม่ฟังป้าอธิบายอะไรเดินหนีออกจากร้านไปเลย...

                      แล้วฟานี่เขาร็หรือเปล่าว่าทำไมป้าต้องย้ายไปอยู่อเมริกา

                      ฮ่าๆ ป้าไม่กล้าบอกหรอก

       

                      พอฟังเรื่องราวทั้งหมดจบแทยอนก็ได้แต่นั่งนิ่ง หัวครุ่นคิดว่าควรจะทำยังไงต่อไปดี  ใจเธอไม่อยากให้คนสองคนที่รักกันเหมือนเป็นคนในครอบครัวเดียวกันมาเข้าใจผิดกันเองเลย สงสารทั้งทิฟฟานี่ สงสารทั้งวอนฮี...

                  เธอไม่ยอมให้ทิฟฟานี่เข้าใจวอนฮีผิดแบบนี้หรอก!

       

                      จะไปไหนล่ะหนู

       

                      แทยอนลุกจากเก้าอี้เดินออกจากร้านไปโดยไม่หันไปตอบคำถามของอีกฝ่าย เดินไปตามทางคุ้นเคยที่เธอมักจะเดินไปส่งทิฟฟานี่ทุกคืน...

       

       

                      Tiffany Part

                  ทำไมป้าวอนฮีถึงทำแบบนี้...

                  เธอเกลียดที่นั่นที่สุด...

                  เกลียดอเมริกา...

                  ทิฟฟานี่ฝังหน้าลงกับหมอนใบนุ่มบนเตียง ปล่อยให้น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลลงมาเงียบๆ เหตุการณ์ในวัยเด็กย้อนมาทำร้ายเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อไหร่ถึงจะลืมมันได้เสียที...

       

                      ติ๊งน่อง!~

                     

      ออดที่ส่งเสียงบอกเจ้าของบ้านว่ามีแขกมาเยี่ยมไม่ได้ทำให้ทิฟฟานี่เงยหน้าขึ้นปาดน้ำตาลุกลงไปเปิดประตูต้อนรับแต่อย่างใด กลับยังคงร้องไห้อยู่เช่นนั้น...

       

                  ฟานี่! ลงมาเปิดประตูให้ฉันหน่อย เธอกำลังเข้าใจป้าวอนฮีผิดนะ!”

       

                      ทิฟฟานี่ชะงักไปทันทีที่ได้ยินเสียงตะโกนจากด้านล่าง เงยหน้าขึ้นปาดน้ำตาลวกๆ ลุกไปแง้มผ้าม่านสีชมพูหวานมองลงไปยังเบื้องล่าง...

                      ผู้หญิงร่างเล็ก หน้าตาจิ้มลิ้มกำลังยืนเงยหน้ามองมาที่เธอ...

                      ถ้าจำไม่ผิด... นั่นมันคนที่เธอเคยเจอในร้านหนังสือของป้าวอนฮีหนิ...

                     

                      มีอะไร

                      ทิฟฟานี่เปิดประตูบ้าน ยืนมองแขกที่เธอไม่รู้จักแม้แต่ชื่อด้วยใบหน้าเรียบสนิททั้งๆ ที่ในใจร้อนรุ่มทันทีที่ได้ยินคนตรงหน้าตะโกนบอกว่าเธอกำลังเข้าใจวอนฮีผิด...

       

                      ขอเข้าไปได้ไหม

       

                      ทิฟฟานี่หลีกทางให้แทนคำตอบ เดินตรงไปนั่งบนโซฟาหนังตัวนุ่ม ไม่มีความคิดที่อยากจะลุกขึ้นไปหยิบน้ำมาเสิร์ฟแต่อย่างใด เวลานี้เธออยากรู้เรื่องของวอนฮีให้เร็วที่สุด แทยอนเองก็ไม่ได้ถือสาอะไรมาก เพราะที่เธอมาที่นี้เธอไม่ได้ต้องการมานั่งจิบน้ำเสียหน่อย เธอต้องการมาทำให้คนทั้งสองเข้าใจกันต่างหาก...

       

                      คุณโกรธป้าวอนฮีที่จะขายร้านทิ้งแล้วย้ายไปอยู่อเมริกาหรอ

                     

      คำว่า อมเริกา ทำให้ทิฟฟานี่ถึงกับสะอึก ไม่อยากแม้แต่จะได้ยินชื่อประเทศนั่น เพราะมันพรากทุกอย่างไปจากเธอ...

       

                      ใช่ ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมป้าวอนฮีถึงต้อ...

                      ป้าวอนฮีเป็นมะเร็ง

       

                      คำตอบของแทยอนที่พูดขัดขึ้นมาทำให้ทิฟฟานี่ชะงักไปครู่หนึ่ง รู้สึกชาไปทั้งหน้าเหมือนมีมือลึกลับตบเข้าที่หน้าเธออย่างแรง เรี่ยวแรงที่เคยมีหายไปไหนเสียหมดก็ไม่อาจรู้ น้ำตาที่เคยเหือดแห้งไปคลอไหลลงมาอีกหนโดยไม่อายคนแปลกหน้าที่นั่งมองอยู่แม้แต่น้อย...

       

                      การไปรักษาที่อเมริกาต้องการเงินจำนวนมาก ไหนลูกของป้าวอนฮียังตั้งใจจะย้ายไปอยู่ที่อเมริกาเป็นการถาวร ป้าวอนฮีเลยจำใจต้องขายร้านหนังสือแล้วย้ายไปรักษาตัวที่อเมริกา ที่ฉันมาที่นี่ก็เพื่อเล่าเรื่องทั้งหมดที่คุณไม่รู้ให้คุณฟังเพื่อให้คุณเข้าใจป้าวอนฮีใหม่...

       

                      ทิฟฟานี่เริ่มปล่อยโฮเพราะเรื่องที่เธอได้รับรู้ค่อนข้างทำร้ายจิตใจเป็นอย่างมาก เธอรักป้าวอนฮีเหมือนป้าแท้ๆ คนหนึ่ง แทยอนได้แต่นั่งมองด้วยความสงสาร กำมือแน่นโมโหตัวเองที่ไม่มีสิทธิ์เข้าไปปลอบโยนอีกฝ่าย...

                      “ฉัน...ฉันไม่รู้... ฉันไม่คิดว่าป้าวอนฮีจะเป็นมะเร็ง ฮึกๆ... ฉันนึกแค่ว่าป้าวอนฮีรำคาญฉันเลยคิดจะหนีฉันไป...      ...

                  เหมือนอย่างที่พ่อแม่ฉันทำเมื่อห้าปีก่อน...           



       .................................................................

       

                      พ่อจ๋า~ แม่จ๋า~ หนูกลับมาแล้ว~”

       

                  หญิงสาววัยสิบห้าปีส่งเสียงไปก่อนตัว เปิดประตูเข้าไปภายในบ้านที่ดูเงียบเชียบผิดปกติ สงสัยพ่อกับแม่เธอต้องตั้งใจจะเซอร์ไพรส์เธอเป็นแน่ เนื่องจากวันนี้เป็นวันเกิดของเธอ...

       

                  แม่~ พ่อ~ ไม่ต้องแอบหน่า หนูรู้ระว่าตั้งใจจะเซอร์ไพรส์หนู      

       

                  ทิฟฟานี่เดินหาพ่อกับแม่ภายในบ้านจนทั่วแต่ก็ไม่มีแม้แต่วี่แวว ขมวดคิ้วมุ่นกำลังจะทิ้งตัวนั่งลงกับโซฟาพลันสายตาก็เหลือไปเห็นกระดาษโน๊ตบางอย่างแปะอยู่ตรงโทรทัศน์...

       

      ฟานี่... พ่อกับแม่จำเป็นจริงๆ ที่ต้องย้ายไปอเมริกา

      ขอโทษที่พ่อกับแม่ไม่สามารถพาลูกไปได้ ดูแลตัวเองดีๆ นะ

      Happy birthday

                                                                  แม่...

       

                  ทิฟฟานี่รีบวิ่งขึ้นไปบนห้องของพ่อกับแม่ เมื่อเปิดตู้เสื้อผ้าดูเธอก็ถึงกับเข่าอ่อน

      ภายในนั้นว่างเปล่า...

      น้ำตาไหลมาอย่างห้ามไม่ได้ ทำไมถึงเป็นแบบนี้... วันที่เธอควรจะได้ฉลองกับพ่อแม่ทำไมเธอต้องมานั่งร้องไห้คนเดียวแบบนี้...


                   เซอร์ไพรส์มากเลยค่ะพ่อ...แม่...


                                                                         .................................................................

       

                     

                      หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากทิฟฟานี่แทยอนก็อดสงสารเสียไม่ได้ เป็นเธอเธอคงโกรธเกลียดพ่อกับแม่มากแน่ๆ นับตั้งแต่นั้นห้าปีผ่านมาทิฟฟานี่บอกว่าอีกฝ่ายก็ยังไม่ติดต่อกลับมา มีเพียงเงินจำนวนหนึ่งที่ถูกส่งเข้าบัญชีเธอตลอดห้าปี...

                      แทยอนพาทิฟฟานี่มาที่ร้านหนังสือเพื่อมาขอโทษป้าวอนฮีที่เข้าใจผิด ทันทีที่เห็นป้าวอนฮีทิฟฟานี่ก็วิ่งไปสวมกอดวอนทันที น้ำตาที่พึ่งหยุดไหลไปก็ไหลออกมาอีกหน เอ่ยขอโทษฟังแทบไม่เป็นภาษา แทยอนยืนมองอยู่ห่างๆ ด้วยรอยยิ้มโล่งอก

                      ป้าวอนฮีไม่ต้องห่วงนะคะ ในธนาคารฟานี่พอมีเงินเก็บอยู่บ้าง แม้มันจะไม่มากเท่าไหร่ก็ตาม

                      ฟานี่ไม่ต้องหรอก ขายร้านนี่ป้าก็คงได้เงินพอแหละ

                      ไม่เป็นไรค่ะ ฟานี่เต็มใจ ถือว่าเป็นคำขอบคุณสำหรับตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานะคะ

                      ทิฟฟานี่เอ่ยจบก็วิ่งออกไปจากร้านทันที ขณะวิ่งผ่านแทยอนก็ไม่ลืมจะหันมาส่งยิ้มขอบคุณเล็กๆ โค้งหัวให้ ถ้าไม่ได้คนคนนี้ เธอคงเกลียดตัวเองมากกว่านี้เป็นแน่ที่ไม่ยอมถามถึงเหตุผลให้เข้าใจเสียก่อน...

                      แทยอนเดินมานั่งลงด้านข้างวอนฮี อมยิ้มเล็กๆ เพราะรู้สึกปลาบปลื้มแทน วอนฮียกกระดาษทิชชู่ขึ้นซับหยาดน้ำใสเบาๆ

                      เออป้า ถ้ามีคนมาซื้อร้านนี่ ป้าจะขายเท่าไหร่หรอ เอ่ยถามพร้อมมองไปรอบๆ ร้าน ที่นี่มันก็กว้างไม่ใช่น้อย ไหนจะหนังสือมากจนนับไม่ถ้วน คงขายได้เงินไม่ใช่น้อยๆ

                      62,000,000

                      แทยอนพยักหน้ารับ มองสำรวจไปรอบๆ ร้านอีกหนก่อนจะหันไปเอ่ยเสียงใสใส่วอนฮี

                  ถ้าหนูซื้อร้านนี้ ป้าจะลดราคาให้หนูไหมอ่ะ!?

                      “!!!”

       

       

                  หายไปไหนของเขานะ...

       

                      วอนฮีนั่งแทบไม่ติด นี่ก็ปามาวันที่ห้าแล้วหลังจากที่แทยอนหอยตัวไป เมื่อห้าวันก่อนแทยอนยังบอกอยู่เลยว่าขอกลับไปจัดการเรื่องเงินที่บ้านแล้วจะรีบมาจ่ายให้มันเสร็จๆ ไอ้เราก็นั่งรอจนดึกจนดื่นแต่ก็ไม่มีวี่แวว ปกติแล้วแทยอนไม่เคยเลยที่จะพลาดการตามไปส่งทิฟฟานี่ที่บ้าน ชักเป็นห่วงแล้วสิ...

       

                      สวัสดีค่ะป้าวอนฮี

       

                      วอนฮีหันขวับมองไปทางต้นเสียง ทันทีที่เห็นว่าเป็นคนที่เธอพึ่งจะกังวลเป็นห่วงก็รีบลุกจากเก้าอี้เดินออกมาจากเคาน์เตอร์จับแขนแทยอนแน่นเอ่ยถามเสียงเป็นห่วง

       

      หายไปไหนเนี่ย รู้ไหมว่าป้าเป็นห่วงมากขนาดไหน นึกว่าเป็นอะไรไปแล้วซะอีก

      ขอโทษค่ะป้าวอนฮี พอดีวันนั้นติดธุระกะทันหันพอดี เบอร์ติดต่อของป้าหนูก็ไม่มี จะแวะมาที่ร้านมาบอกป้าก่อนก็ไม่ได้ ขอโทษจริงๆ นะคะที่ทำให้รอแล้วก็เป็นห่วง

       “ไปๆ มาเหนื่อยๆ ไปนั่งพักก่อน เดี๋ยวป้าชงกาแฟให้

       

      แทยอนเดินไปนั่งแต่โดยดีเพราะกว่าจะมาถึงที่นี่ได้ก็เหนื่อยใช่เล่น อากาศข้างนอกก็ร้อนใช่ย่อย ได้เข้ามานั่งพักในร้านหนังสืออากาศเย็นๆ จิบกาแฟเสียหน่อยคงรู้สึกดีไม่น้อย

       

      อ่ะป้า หนูขอจ่ายก่อน40,000,000วอนนะ อีก10,000,000วอนเดี๋ยวหนูผ่อนส่งให้ทุกเดือนแล้วกัน ไม่ว่ากันนะป้า

       

      ส่งกระเป๋าทรงสี่เหลี่ยมสี่ใบ ภายในบรรจุเงินจำนวนมากพอจะเอาไว้กินไว้ใช้สบายๆ ได้ปีสองปีทีเดียว วอนอ๊รับมาถือในมือ ระบายยิ้มอบอุ่นให้แทยอน จ้า มีเท่าไหนก็ผ่อนมาเท่านั้นแล้วกัน ป้าไม่รีบหรอก พอมีเงินเก็บส่วนตัวอยู่บ้าง ป้าขอไปเก็บก่อนนะ หายแล้วจะยุ่ง นี่สัญญาซื้อขายจ่ะ

      วอนฮีหยิบกระดาษใต้เคาน์เตอร์เลื่อนให้แทยอนก่อนจะเดินหายเข้าไปหลังร้าน แทยอนอ่านคร่าวๆ จนจบ เมื่อเห็นว่าไม่มีปัญหาอะไรตรงไหนก็หยิบปากกาบนเคาน์เตอร์ขึ้นมาจรดปลายปากกาลงบนกระดาษ เซ็นลายเซ็นของตนลงไป...

      ฟานี่...

      หวังว่าหลังจากที่ฉันได้เป็นเจ้าของร้านหนังสือนี่แล้ว...

      เธอจะพูดคุยกับฉันมากขึ้นนะ...

       

       

       

      โชคดีนะคะป้าวอนฮี อย่าลืมส่งข่าวคราวมาหาหนูบ้างนะ หายไวๆ นะคะ

       

      ทิฟฟานี่ยืนส่งยิ้มโบกมือหยอยๆ ให้วอนฮีที่ค่อยๆ เดินจากไป อดยกมือขึ้นปาดน้ำใสที่คลอหน่อยเสียไม่ได้ทั้งๆ ที่ตั้งใจไว้กับตัวเองแล้วว่าจะไม่ร้องไห้

      แทยอนที่ยืนอยู่ไม่ห่างมากลอบมองทิฟฟานี่ด้วยรอยยิ้ม วันนี้เธอตื่นมาแต่เช้าเพื่อมาส่งวอนฮีที่สนามบิน พอดีกับที่ทิฟฟานี่ติดสอยห้อยตามมาด้วย เลยทำให้เธอมีโอกาสได้ใกล้ชิดทิฟฟานี่ขึ้นอีกหน่อย...

       

      คุณคะ ขอฉันติดรถกลับด้วยได้ไหม?

       

      ได้สิ...

      จะมีใครบนโลกนี้กล้าปฏิเสธคำขอจากเจ้าของรอยยิ้มตาปิดนั่นกัน...

       

       

      เสียงเพลงดังคลอเบาๆ ภายในรถสปอร์ตคันหรูของแทยอน หญิงสาวที่นั่งด้านข้างคนขับหลับตาฮัมเพลงด้วยรอยยิ้มจางๆ แทยอนเหลือบมองรอยยิ้มนั้นด้วยความสุข เพลงที่ดีเจเสียงหวานเปิดนี่มันช่าง...

      ตรงกับเธอเสียจริง...


       

       

      นอล ชอ อึม บน ซุน กัน กุม อิน กอท คัท ทา ซอ~

      (ครั้งแรกที่เจอเธอ ฉันเหมือนตกอยู่ในความฝัน)

      ครั้งแรกที่เจอเธอ...

      ฉันยังจดจำได้ไม่มีวันลืม...

       

      ชอน ซา ชอ รอม เย ปึน นี มี โซ เต มุน เน

      (เพราะรอยยิ้มที่สวยราวกับนางฟ้าของเธอ)

      รอยยิ้มตาปิดของเธอ...

      มันทำฉันตกอยู่ในภวังค์...

       

      ภวังค์...ที่จนตอนนี้...

      ฉันยังตื่นจากมันไม่ได้เสียที...

       

       

      ~

      โทรศัพท์เครื่องบางส่งเสียงปลุกร่างเล็กที่เผลอหลับคาหนังสือวรรณกรรมเล่มหนาขึ้นตื่น งัวเงียหัวเสียที่มีคนโทรมากวนในเวลานอน คว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็พบว่าไม่ใช่ใครอื่น...

      ไอ้ยูลเพื่อนรักนี่เอง...

      ว่าไงไอ้...

      (ไอ้แท้!!!!!!!!!!!!!!!! ช่วยฉันด้วย พลีส! ยัยนั่นมันจะฆ่าฉันแล้ว ช่วยช้านด้วยยยยยยยยยยย)

      ตื้ดๆ....

      ฮัลโหลๆ ไอ้ยูล ฮัลโหล

      แทยอนมองโทรศัพท์ด้วยความงุนงง เมื่อพอยูริโหวกเหวกโวยวายเสร็จก็ตัดสายไปซะดื้อๆ ไม่เข้าใจว่าต้องการจะเล่นตลกอะไรกับเธอกันแน่ ไอ้เพื่อนบ้านี่ยิ่งชอบแกล้งเธออยู่ด้วย แต่คราวนี้เธอจะไม่ยอมติดกับมันหรอก เล่นบ้าอะไรไม่เข้าเรื่อง

      ร่างเล็กส่ายหน้าเอือมระอาน้อยๆ กางหนังสือเล่มหนาเตอะที่อ่านไปไม่ถึงครึ่งของครึ่งเล่มขึ้นอ่าน ทันทีที่เปิดหนังสือออก กลิ่นกระดาษมันโชยมาเตะจมูกชวนเวียนหัวเสียเหลือเกิน เมื่อไหร่เธอจะชินกับกลิ่นบ้าๆ นี่เสียทีนะ...

      พอเริ่มอ่านได้บรรทัดสองบรรทัดก็อยากจะหยิบหนังสือเควี้ยงทิ้งแล้วย้ายตัวไปนอนบนเตียงนุ่มๆ เสียจริง เธอไม่มีวันยอมมานั่งอ่านหนังสือวรรณกรรมบ้าๆ เล่มหนาเกือบเท่าพจนานุกรมแบบนี้หรอก

       

      ถ้าไม่ติดว่ามันเป็นวรรณกรรมเรื่องโปรดที่ทิฟฟานี่ชอบมากล่ะก็...

       

                  หันไปอีกทางกะจะพักสายตาทั้งๆ ที่พึ่งจะอ่านไปได้แค่สองบรรทัด พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นวรรณกรรมเล่มเท่าควายวางอยู่บนพื้นซ้อนกันจนความสูงเท่ากับระดับสายตาของเธอ แถมไม่ใช่ว่ามีแค่กองเดียว นับรวมๆ แล้วมีเป็นสามสี่กองโต!

                     

      ยัยหมีบ้านั่น!

                  ทำไมถึงมีหนังสือที่ชอบเยอะขนาดนี้นะ!

                  แถมแต่ล่ะเล่ม...ขว้างหัวหมาแตกเลยทีเดียว!

       

                     

                      แทยอนตื่นมากเปิดร้านหนังสือด้วยสภาพงัวเงียสุดๆ แทบไม่อยากจะลุกจากเตียงเพราะเมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็ปาไปตีห้า! นอนดึกก็ไม่ใช่เพราะอะไร นั่งถ่างตาทนอ่านหนังสือเล่มโต! แต่ก็นั่นแหละ...

                      ถ้าไม่ติดว่าวันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่ทิฟฟานี่จะมาที่ร้านหนังสือ...

                  เธอก็คงไม่ถ่อสังขารลุกจากเตียงนุ่มๆ ขึ้นมาเปิดร้านหนังสือหรอก!

                 

                      ระหว่างที่เฝ้าร้านแทยอนก็จัดการทำขนมเค้กอย่างที่วอนฮีทำทุกครั้ง ถึงจะไม่อร่อยเท่าแต่ก็พอกินได้ล่ะหน่า(แน่ใจว่ากินได้?) ยังดีที่ก่อนจะไปวอนฮีช่วยสอนเธอทำขนมเค้กและเครื่องดื่มทุกอย่างที่อยู่ในรายการอาหารของร้าน ไม่งั้นเธอก็คงต้องเสียเงินจ้างพนักงานมาอีก

                      เวลานี้อะไรประหยัดได้ก็ต้องประหยัด เธอยังต้องผ่อนร้านกับป้าวอนฮีอีกหนิ...

       

                      ติ๊ง!

                     

      เตาอบขนมส่งเสียงบอกว่าได้เวลาเอาขนมเค้กกลิ่นหอมๆ ออกไปจากเตาได้แล้ว แทยอนสวมถุงมือจับของร้อนก่อนจะเดินไปหยิบขนมเค้กหน้าตาพอไปวัดไปวาได้เดินเข้ามาภายในบริเวณร้าน ขณะนี้ยังไม่มีลูกค้าซักคนซึ่งนั่นถือเป็นเรื่องดีสำหรับแทยอนไม่น้อย

       

                      สวัสดีค่ะคุณเจ้าของร้านคนใหม่

                     

                      ยังไม่ทันไรลูกค้าคนแรกของวันและของเธอก็เดินส่งเสียงเจื้อยแจ้วเข้ามาในร้านซะแล้ว เธอจำเสียงสดใสนั่นได้ มันเป็นเสียงที่เธอชอบที่สุด...

       

                      ว้าวๆ กลิ่นหอมจัง ขอชิมหน่อยได้ไหมคะ

       

                      ยังไม่ทันที่แทยอนจะตอบอนุญาต ทิฟฟานี่ก็ตรงดิ่งเข้ามาคว้าส้อมขึ้นจิ้มเค้กใส่ปาก แทยอนมองทิฟฟานี่ลุ้นๆ อยากรู้ว่าเจ้าหล่อนจะมีอาการยังไงเพราะเธอก็ไม่มั่นใจเท่าไหร่นยักว่ามันจะกินได้

                      ทันทีที่เค้กเข้าปาก ทิฟฟานี่ก็รีบมองหาถังขยะทันที แทยอนดูท่าจะรู้งานรีบก้มลงหยิบถังขยะใบเล็กๆ ส่งให้ทิฟฟานี่ หญิงสาวร่างบางผู้โชคร้ายรีบคายขนมเค้กในปากลงถังขยะอย่างไม่เสียดาย รสชาติมันแย่เกินจะบรรยายจริงๆ...

                      เอ่อ... คุณไม่เคยทำอาหารมาก่อนใช่ไหม มันถึงออกมาแบบนี้

                      แทยอนพยักหน้าอายๆ อยากจะมุดลงไปในท่อซะจริง อายจนไม่รู้จะอายยังไง...

                      ให้ฉันช่วยสอนไหม ขืนคุณทำแบบนี้เอามาขาย มีหวังไม่มีใครกินแน่

                      ปฏิเสธก็บ้าแล้วหล่ะคนสวย...

                     

                      คุณต้องใส่น้ำตาลลงไปเท่านี้ กะให้มันกำลังดีนะ

                      ทิฟฟานี่เอ่ยบอกขณะที่มือก็เทน้ำตาลล แทยอนเหลือมองแววตาจริงจังนั่นในระยะใกล้ขนาดนี้แล้วก็ชวนใจสั่น คิดไม่ถึงมาก่อนว่าจะมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับทิฟฟานี่ซะขนาดนี้

                  คิดไม่ผิดเลยแหะ...

                  ที่ลงทุนซื้อร้านหนังสือนี้...

       

       

                      ว้าว~ ดูสิ กลิ่นห้อมหอม

       

                      ทิฟฟานี่ที่หายเข้าในครัวหลังร้านเดินออกมาพร้อมกับขนมเค้กกลิ่นหอมกรุ่น อดสูดกลิ่นหอมเข้าเต็มปอดเสียไม่ได้ จ้องขนมเค้กในมือของทิฟฟานี่ตาเป็นมันเพราะตั้งแต่ตื่นมายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเธอเลย

       

                      ชิมดูสิ

                     

      เจ้าของรอยยิ้มตาปิดใช้ส้อมจิ้มขนมเค้กในจานคำพอเหมาะยื่นไปตรงหน้าแทยอน คนตัวเล็กดูเก้ๆ กังๆ เพราะเขินจนทำอะไรไม่ถูก จนโดนทิฟฟานี่ย้ำอีกทีแทยอนจึงกินขนมเค้กกลิ่นหอมตรงหน้า

                  อืม...อร่อยจัง

       

                      เป็นไงๆ อร่อยไหม

                     

      ทิฟฟานี่อดตื่นเต้นไม่ได้ มองแทยอนลุ้นๆ อีกฝ่ายไม่ตอบคำถามกลับแย่งจานขนมในมือมาถือเสียเอง แย่งส้อมในมือทิฟฟานี่มาจิ้มเค้กคำโตใส่ปาก ยังเคี้ยวไม่ทันหมดก็จิ้มเค้กอีกคำโตใส่ปากเคี้ยวตุ้ยๆ จนพวงแก้มทั้งสองข้ามป่องเหมือนเด็กเล็กๆ ทิฟฟานี่ที่เห็นท่าทางของแทยอนก็ขำขึ้นมาเบาๆ

       

      กินเลอะแล้วค่ะ

       

                      ทิฟฟานี่เอ่ยยิ้มๆ ล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าสีชมพูหวานขึ้นมาเช็ดเค้กที่มุมปากของแทยอน เล่นเอาซะคนที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวถึงกับชะงักไป เผลอจ้องใบหน้าสวยของคนตรงหน้าด้วยแววตามีความหมาย มันเหมือนโลกทั้งใบในตอนนี้มีแค่คนตรงหน้าเท่านั้น...

       

                  คิกๆ คุณนี่...น่ารักจัง

       

                      เธอก็...

                      น่ารักเหมือนกัน

       

                      Tiffany part

                      กรุ๊งกริ๊ง~

                      เสียงกระดิ่งดังขึ้นทันทีที่ฉันผลักประตูเข้ามาในร้านหนังสือของแทยอน กระดิ่งที่ฉันกับแทยอนตัดสินใจซื้อตอนที่ไปเที่ยวกันสองคน ดูเหมือนแทยอนเองก็จะชอบความคิดนี้ของฉันจึงตอบตกลงซื้อมาห้อยไว้ตรงประตูร้าน

       

                      อ่า...นานเท่าไหร่แล้วนะที่ฉันรู้จักแทยอนมา

                  จวนจะปีนึงได้แล้วมั้ง

       

                      แต่ละวันก็ไม่ได้ทำอะไรมากหรอก ตื่นมาที่ร้านนี้แต่เช้าเพื่อมาทำขนมเค้กให้แทยอนเพราะเจ้าตัวยืนยันว่าถึงจะให้สอนยังไงก็คงทำออกมากินไม่ได้แน่ๆ พอจัดการส่วนนี้เสร็จก็ต้องรีบไปโรงเรียนต่อ พอเลิกเรียนถึงจะดิ่งมาที่ร้านหนังสือนี้อีก ฟังๆ ไป อาจดูเหมือนลำบากที่ต้องเทียวไปเทียวมา แต่เพราะมหาลัยฯ ที่ฉันเรียนอยู่นั้นอยู่ไม่ไกลจากร้านหนังสือนี้ซักเท่าไหร่นัก มันจึงเป็นเรื่องดีไม่ใช่น้อย...

                      ฉันกับแทยอนดูเหมือนจะคุยกันถูกคอไปเสียทุกเรื่อง ทุกๆ อย่างที่ฉันชอบเหมือนจะเป็นเรื่องบังเอิญที่แทอยนก็ชอบเหมือนกัน มันเลยทำให้เราคุยกันได้เรื่อยๆ ไม่มีเบื่อ นั่นเลยไม่ใช่เรื่องแปลกเสียเท่าไหร่ที่ฉันจะสนิทกับแทยอนในเวลาอันรวดเร็ว

       

                      เหนื่อยไหมฟานี่ ให้แทปั่นน้ำให้กินไหม

       

                      ร่างเล็กหันมาเอ่ยถามในขณะที่กำลังเช็ดแก้วที่พึ่งล้างเสร็จ ฉันยกแก้วกาแฟที่ซื้อมาจากร้านกาแฟแถวๆ มหาลัยฯ ให้แทยอนดูแทนคำตอบ

       

                      งั้นฟานี่นั่งรอแทก่อนนะ ขอไปเข้าห้องน้ำแป๊บนึง

       

                      แทยอนเดินหายไปหลังร้าน ฉันเดินมานั่งตรงเคาน์เตอร์ ขณะกำลังเริ่มคิดอะไรเพลินๆ เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นก็ทำเอาฉันสะดุ้งโหยงตื่นจากภวังค์ หันซ้ายหันขวาก็พบว่าเสียงนั้นดังมาจากโทรศัพท์มือถือของแทยอนที่วางไว้บนเคาน์เตอร์ เอื้อมไปหยิบกำลังจะกดรับแทนแทยอนที่ยังไม่ออกมาจากหลังร้านแต่คนที่โทรมาก็ตัดสายไปเสียก่อน กำลังจะวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมพลันสายตาก็สะดุดเข้ากับรูปหน้าจอโทรศัพท์...

       

       

                      มันเป็นรูปถ่ายตอนที่ฉันกับแทยอนไปเที่ยวสวนสนุกด้วยกัน...

                  รูปที่เราสองคนสวมเสื้อคู่เหมือนที่คนรักเขาใส่กัน....

                  แม้เราสองคนจะเป็นแค่ เพื่อนสนิท กันก็เถอะ...

       

                      ถึงกระนั้นคงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรถ้าแทยอนจะเอารูปนี้ขึ้นเป็นรูปหน้าจอโทรศัพท์ในฐานะ เพื่อน คนหนึ่ง แม้จะเนื่องด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม มันก็อดทำให้ฉันหัวใจเต้นแรงขึ้นมาซะเฉยๆ เสียไม่ได้...

       

                      ทว่ารูปหน้าจอนั้นไม่ได้ทำให้ฉันหัวใจเต้นแรงเท่าข้อความที่อยู่ใต้ภาพ...

                     

      그런 네가 나의 사랑이 되면 어떨까

      상상만으로도 행복해 지는 :D’

       

      คือ รอน นี กา นา เอ ซา รัง อี ทเว มยอน ออ ตอล กา ซัง ซัง มัน อือ โร โด แฮง บก แฮ จี นึน กอล...~”

                      ทันทีที่ฉันอ่านข้อความนั้นจบเป็นจังหวะเดียวกับที่แทยอนเดินออกมาจากหลังร้าน พร้อมยกประโยคหนึ่งที่อยู่ในเพลง ‘Imagine’ ขึ้นมาร้องคลอเบาๆ

       

                  นอกจากประโยคนั้นจะดังมาจากปากของแทยอนในทำนองเพลงแล้ว...

                      ฉันยังได้อ่านมัน...จากใต้ภาพที่เป็นรูปโทรศัพท์หน้าจอของแทยอนด้วย...

       

                      อ้าวฟานี่ จะไปไหนน่ะ

                      ฉันเดินออกมาโดยไม่สนใจหันไปตอบคำถามของแทยอน

                  เพราะฉันไม่อยากให้แทยอนเห็นใบหน้าร้อนผ่าวของฉันในตอนนี้น่ะสิ!

       

                      อะไรของเขานะ

                      ฉันยกมือขึ้นเกาหัวด้วยความงุนงงเมื่อจู่ๆ แม่สาวตายิ้มลูกค้าประจำร้านหนังสือของฉันก็หุนหันเดินออกจากร้านไปทั้งๆ ที่ปกติไล่ให้กลับยังไงก็ไม่ไป

       

                      ความสงสัยถูกเฉลยด้วยภาพตรงหน้า...

                     

      โทรศัพท์มือถือของฉันอยู่ผิดที่ผิดทางของมันที่ฉันเคยวางไว้ เมื่อลองคว้าขึ้นมาดูก็พบว่าไม่ได้รับสายของยูริ เวลา พึ่งผ่านไปไม่ถึงห้านาที...

                      ถ้าเดาไม่ผิด... ทิฟฟานี่คงตั้งใจจะรับโทรศัพท์แทนฉันไม่ก็จะกดตัดสายเพราะรำคาญ แล้วเจ้าหล่อนก็ดันไปเห็นรูปหน้าจอโทรศัพท์เข้า เรื่องมันคงไม่น่าเป็นห่วงขนาดนี้ถ้าฉันไม่ดันนึกอุตริพิมพ์ข้อความไว้ใต้รูปว่า...


       

      ถ้าวันหนึ่งเธอจะมาเป็นคนรักของฉัน

      แค่คิดก็มีความสุขแล้ว :D’

       

      ฉันนี่มัน! สะเพร่าเสียจริง...

                      แล้วต่อจากนี้ไป ฉันจะมองหน้าฟานี่ได้ยังไง...

       

                     

                      แทยอน...คิดกับฉันแบบนั้นหรอ...

                      ทำไมฉันไม่เคยสังเกตเห็นหรือรู้สึกตัวมาก่อนเลยนะ แล้วต่อไปนี้ฉันควรจะทำอย่างไรต่อไปดี? ทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นงั้นหรอ?...

                      ไม่ใช่สิ...

                      ก่อนอื่น

                  ฉันควรจะถามความรู้สึกตัวเองเสียก่อน ว่ารู้สึกยังไงกับแทยอนกันแน่...

                  ร่วมปีได้แล้วมั้งที่ฉันรู้จักแทยอนมา ทุกๆ วัน ชีวิตของฉันก็ไม่ได้คลุกคลีกับใครนอกจากแทยอน เธอกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตฉันไปโดยไม่รู้ตัว ความสนิทที่เรามีให้กันมากขึ้นทำให้หัวใจของฉัน เปิดรับให้แทยอนเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่อาจรู้ได้...

                  แล้วฉันจะเดินหนีออกมาจากร้านทำไมกันนะ!

                  ในเมื่อเราต่างคนต่างชอบกัน

                      อะไรๆ มันก็ควรจะเป็นไปได้ด้วยดีสิ...

       

       

                      กรุ๊งกริ๊ง!~

                      ปิดร้านแล้วค่ะ ไว้ค่อยมาใหม่พรุ่งนี้นะคะ

                      ฉันเอ่ยขึ้นเสียงดัง ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองผู้มาเยือนเพราะมัวแต่วุ่นอยู่กับการเก็บข้าวของเตรียมปิดร้าน รู้สึกหงุดหงิดไม่น้อย ที่แขวนป้ายไว้หน้าร้านว่า ‘close’ นี่ไม่ได้มีความหมายเลยใช่ไหมเนี่ย มีตาไว้ทำไมกัน!

                  งั้นปิดร้านเสร็จแล้วไปเดินเล่นข้างนอกกับฟานี่หน่อยได้มั้ย

                     

       

                      ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าในสวนสาธารณะตอนกลางคืนอากาศจะดีไม่แพ้ตอนกลางวันขนาดนี้ อากาศเย็นสบายประกอบกับความมืดที่มีเพียงแสงสลัวๆ ให้ความสว่างยิ่งทำให้สวนสาธารณะในเวลานี้โรแมนติกยิ่งนัก

                  โดยเฉพาะเมื่อได้มาเดินข้างๆ คนที่ชอบแล้ว อะไรๆ มันก็ดูอบอุ่นไปเสียหมด...

                  แทแท...

                      หือ?

                  แทรู้สึกยังไงกับฟานี่หรอ...

                  คำถามที่คิดขึ้นมาทำลายความเงียบกลับทำให้เกิดความเงียบระหว่างคนทั้งสองมากขึ้นกว่าเก่า แทยอนยิ้มบางเบา ที่ยังไม่ตอบไม่ใช่เพราะตอบไม่ได้ว่ารู้สึกยังไง แต่เป็นเพราะเธอต้องการเวลาเรียบเรียงคำพูดออกมา เพราะความรู้สึกที่เธอมีให้คนถามนั้น มันมากมายเสียจนไม่รู้จะอธิบายออกมาหมดได้ยังไง...

       

                      ในที่สุดเวลานี้ก็มาถึง...

                      เวลาที่เธอจะได้บอกความจริงให้ คนที่ไม่เคยรู้อะไรเลย ได้ รู้ทั้งหมด เสียที...

       

                      นานมากแล้วนะ ที่แทชอบแอบชอบใครคนนึงมา ชอบเพียงแค่ครั้งแรกที่ได้เห็นรอยยิ้มที่สวยหวานราวกับนางฟ้า... แทไม่รู้ว่าจะเริ่มบอกเขายังไงดีว่ารู้สึกยังไงเลยได้แต่ปิดมันมาตลอด รอเพียงซักวันหนึ่ง ที่แทจะได้พูดมันทั้งหมดออกไปให้เจ้าตัวได้รู้...

                      ...

                      แล้ววันนี้ก็มาถึง...ฟานี่

                      แทยอนคว้ามือฟานี่มากุมเงียบๆ หันไปมองสบตา บอกเล่าทุกเรื่องราว ทุกความรู้สึกที่มีให้ผ่านดวงตา เนิ่นนานเท่าไหร่ไม่อาจรู้ และเมื่อไหร่ก็ไม่อาจรู้ได้เช่นกันที่ใบหน้าของคนทั้งสองเคลื่อนเข้าหากัน...

                 

      สัมผัสแผ่วเบา...

                      หากแต่สามารถทำให้คนทั้งสองรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของอีกฝ่าย...

       

                 

                      แทแทอา~ เล่าเรื่องตอนที่แทชอบฟานี่ให้ฟังหน่อยสิ

                      ทิฟฟานี่ที่นอนหนุนตักแทยอนเอ่ยเสียงออดอ้อน ถึงไม่ทำเช่นนั้นแทยอนก็ไม่อาจปฏิเสธคำขอร้องจากคนรัก ได้อยู่แล้ว อายไม่น้อยที่จะต้องเล่าเรื่องทั้งหมดที่มันดูไม่ใช่ตัวเธอเอง

                      ฟังแล้วฟานี่จะต้องอึ้งแล้วก็ต้องบอกว่าแทเป็นไอ้โรคจิตแน่ๆ

                      เล่ามาเถอะ ฟานี่อยากรู้

                      แทยอนยิ้มบางๆ ภาพเหตุการณ์ในวันวานที่เธอจำได้ดีไม่มีวันลืมแม้ทิฟฟานี่จะจำมันไม่ได้ก็ตามย้อนกลับเข้ามาฉายชัดในหัว...

       มันเป็นวันแรกที่เธอได้พบกับทิฟฟานี่...

                      และเป็นวินาทีแรกที่เธอตกอยู่ใน ภวังค์...

                      มันเริ่มต้นจาก...

       

      .................................................................

       

       

                      บรรยากาศยามเย็นสบายๆ เช่นนี้ประกอบกับวันนี้ทั้งวันไม่มีเรื่องอะไรมาก่อกวนให้รำคาญใจทำให้แทยอนและยูริดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ไม่บ่อยนักหรอกที่เธอทั้งสองจะมาเดินชิวๆ ยามเย็นเช่นนี้ ส่วนมากจะใช้เวลากับร้านเกมเสียมากกว่า แค่มาลองเปลี่ยนบรรยากาศบ้างอะไรบ้าง ผลสรุปคือก็ไม่เลวเหมือนกัน...

                      เฮ้ย ไอ้แท คืนนี้ไปค้างบ้านฉันกัน ซื้อโซจูซักขวดไปนั่งซดกัน

                      เมื่อได้ฟังความคิดดีๆ จากยูริ แทยอนก็หันไปส่งยิ้มดีนิ้วเห็นด้วย

                      แจ่มเลยว่ะเพื่อน กับแกล้มเป็น...เฮ้ย!”

                      ว้าย!”

                      เพราะมัวแต่หันไปคุยกับยูริทำให้แทยอนที่ไม่ได้มองทางข้างหน้าชนเข้ากับใครบางคนที่เดินสวนมา...

                      การถูกขัดขณะกำลังสนทนาเมามันส์กับเพื่อนดูจะเป็นเรื่องใหญ่สำหรับแทยอน อาจเป็นเพราะอารมณ์ที่พาลจะเสียเอาได้ง่ายๆ ไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่แค่ไหนด้วย ที่ทำให้แทยอนอารมณ์เสียรู้สึกอยากจะตะคอกด่าคนตรงหน้าว่า เดินภาษาอะไร!’

                      แต่ความคิดทั้งหมดก็หยุดลงเพียงแค่ได้สบตา...

                      ขอโทษค่ะ เจ็บตรงไหนหรือเปล่าคะ

                      หญิงสาวร่างบางที่ล้มไปกองกับพื้นรีบพยุงตัวขึ้นยืนลุกเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นฝ่ายล้มก้นจ้ำเบ้า ไอ้ท่าทางเปิ่นๆ เอ๋อๆ แปลกคนนั่นมันอดทำให้เธอเผลอยิ้มออกมาเสียไม่ได้

                      เพราะแบบนี้ด้วยล่ะมั้ง...

                      ที่ทำให้เธอตกหลุมรักทิฟฟานี่เพียงแค่แรกเจอ...

       

       

      .................................................................

       

                      ทำไมฟานี่จำไม่ยักได้นะ

                      พอได้ฟังจบทิฟฟานี่ก็พยายามนึกแต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก แทยอนยีหัวทิฟฟานี่ด้วยความหมันไส้ ก็ไอ้ท่าทางเปิ่นๆ นั่นแหละทำให้เดินชนคนอื่นเขาไปทั่วจนจำไม่ได้ล่ะสิ

                      จบแค่นี้เองหรอ

                      คำถามของคนที่นอนหนุนตักทำให้แทยอนอดยิ้มออกมาอีกรอบเสียไม่ได้ เล่าทั้งวันจะหมดหรือเปล่ายังไม่รู้เลย...

                      ไม่ต้องสนหรอกว่าที่ผ่านมาแทจะแอบชอบฟานี่มานานเท่าไหร่... จะทำอะไรลงไปเพื่อฟานี่บ้าง

                      ...

                  รู้ไว้แค่ว่า แทรักฟานี่ก็พอแล้ว

                     

                      ไม่ต้องสนใจหรอกคนดีว่าที่ผ่านมาฉันจะทำอะไรลงไปเพื่อเธอบ้าง...

                  ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมฉันถึงคุยกับเธอถูกคอไปเสียหมด...

                  ไม่ต้องใส่ใจว่าทำไมชีวิตเธอถึงมีฉันเข้าไปข้องเกี่ยวได้...

                      เพราะทั้งหมด ฉันเป็นคนตั้งใจทำให้มันเป็นแบบนี้เอง

       

       

      The end…

       

                     

                  ส่งท้าย...

                  รับสิไอ้แท รับ...รับสิ!”

                      ควอน ยูริ พึมพำด้วยหัวใจที่เต้นรัวอยู่ภายในความมืด พยายามหายใจให้เบาที่สุดด้วยกลัวว่าสิ่งที่พึ่งวิ่งหนีพ้นมาจะหาเจอ... เหงื่อไหลโซมกาย ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว

                      (ว่าไงไอ้...)

                      ไอ้แท้!!!!!!!!!!!!!!!!ช่วยฉันด้วย พลีส!ยัยนั่นมันจะฆ่าฉันแล้ว ช่วยช้านด้วยยยยยยยยยยย

                      ทันทีที่ได้ยินเสียงเพื่อนรักตอบกลับมา ราวกับได้ยินเสียงสวรรค์ ในเวลานี้เพื่อนเธออาจะช่วยเหลืออะไรได้บ้าง แต่หลังจากที่พึ่งเอ่ยอะไรออกไปที่อาจจะฟังไม่ได้ศัพท์สำหรับคนฟัง โทรศัพท์เฮงซวยก็ดันแบตฯ หมดพอดี

                       “โธ่เว้ย!”

                        สบถด้วยความหัวเสีย อยากจะปาโทรศัพท์ทิ้งถ้าไม่ติดว่าราคาของมันไม่ใช่ถูกๆ

                        “ฮี่ๆ...

      เสียงหัวเราะชวนขนลุกที่ดังแว่วมากับลมเย็นๆ ทำให้ยูริเบิกตาโพลง เสียงหัวเราะนั้นเธอจำมันได้ดี เสียงที่เธอพยายามหนีมาตลอด แต่ดูเหมือนว่าถึงเธอจะหนีไปสุดฟ้ายังไงก็ไม่มีทางหนีพ้น...

      คิดว่าจะหนีฉันพ้นหรอ ควอน ยูริ

      ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!!!!!!!!”

       

      …Loading…


       

                    จบซะที=.,=
                   เนื้อเรื่องจริงๆยาวกว่านี้ "มาก" ย้ำว่ามาก
                    เลยตัดทิ้งให้มันจบแบบแฮปปี้ทั้งๆ ที่ตั้งใจไว้ว่าจะให้ดราม่า=.,=
                    ส่งท้ายคงสงสัยกันใช่มั้ยคะว่าควอนยูลไปเจออะไรเข้า=.,=
                    อุ๊บไว้ก่อน อีกพักนึงจะมาลงให้ค่ะ ^^
                     สุดท้ายขอบคุณที่อ่ากันจนจบนะคะ><

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×